เปิดปูมประวัติ ตระกูลฮุน ผู้กุมอำนาจในกัมพูชา จากชาวนาสู่ผู้ปกครองประเทศ
ฮุนเซน มีชื่อเต็มว่า จอมพล สมเด็จอัครมหาเสนาบดีเดโชฮุนเซน เขาคืออดีตนายกรัฐมนตรีที่ดำรงตำแหน่งยาวนานที่สุดในประวัติศาสตร์โลกถึง 30 ปี แม้จะไม่ได้เป็นนายกฯ แล้ว แต่ปัจจุบันเขายังคงเป็นหัวหน้าพรรคประชาชนกัมพูชา สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร และประธานองคมนตรี ซึ่งแสดงถึงอิทธิพลทางการเมืองที่ยังคงสูงลิ่ว คำว่า "สมเด็จ" ในกัมพูชาไม่เหมือนราชวงศ์ แต่เป็นบรรดาศักดิ์ที่มอบให้บุคคลสำคัญระดับประเทศ ฮุนเซน หรือชื่อเดิม ฮุน บุนนา เกิดเมื่อปี พ.ศ. 2495 ในครอบครัวชาวนาที่จังหวัดกำปงจาม
ช่วงชีวิตวัยเด็กของฮุนเซนตรงกับการเมืองกัมพูชาที่ผันผวนอย่างหนัก จากการเรียกร้องเอกราชจากฝรั่งเศส และการก่อตัวของกลุ่ม "เขมรแดง" ที่เป็นคอมมิวนิสต์ เมื่อฮุนเซนย้ายมาเรียนที่พนมเปญ เขาได้เปลี่ยนชื่อเป็น "ฮุนเซน" และสัมผัสกับความขัดแย้งทางการเมืองโดยตรง จนตัดสินใจเข้าร่วมกับกองทัพเขมรแดงเพื่อต่อต้านรัฐบาลในขณะนั้น
หลังเขมรแดงยึดอำนาจและปกครองอย่างโหดร้าย ฮุนเซนไม่เห็นด้วยจึงหนีไปอยู่กับกลุ่มต่อต้านเขมรแดงในเวียดนาม เมื่อเวียดนามสามารถยึดกัมพูชาจากเขมรแดงได้ในปี พ.ศ. 2522 และจัดตั้งรัฐบาล ฮุนเซนได้รับตำแหน่งเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงต่างประเทศ ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นในเส้นทางการบริหารของเขา
ในปี พ.ศ. 2528 ฮุนเซนก้าวขึ้นเป็นนายกรัฐมนตรีของกัมพูชาด้วยวัยเพียง 33 ปี แต่การเมืองภายในยังไม่สงบ เพราะเขมรแดงยังคงเคลื่อนไหว และรัฐบาลฮุนเซนยังเป็นรัฐบาลที่ได้รับการสนับสนุนจากเวียดนาม ทำให้เกิดความตึงเครียดภายในประเทศ ประเทศไทย ได้เข้ามามีบทบาทสำคัญในการเจรจา ทำให้เวียดนามยอมถอนทหารออกจากกัมพูชาในปี พ.ศ. 2534
หลังเวียดนามถอนทัพ กัมพูชายังคงแตกเป็น 4 ฝ่ายหลัก สหประชาชาติ (UN) จึงเข้ามาจัดตั้งหน่วยดูแลการเปลี่ยนผ่านและจัดการเลือกตั้งในปี พ.ศ. 2536 ผลการเลือกตั้งปรากฏว่า พรรคฟุนซินเปก ของ เจ้านโรดม รณฤทธิ์ ชนะการเลือกตั้งอย่างฉิวเฉียด ขณะที่พรรคของฮุนเซนได้คะแนนเป็นอันดับสอง ด้วยความไม่พอใจในผลเลือกตั้ง ฮุนเซนขู่จะใช้กำลัง เจ้านโรดม สีหนุ (กษัตริย์เก่า) จึงประนีประนอมให้มีนายกรัฐมนตรี 2 คน โดยเจ้านโรดม รณฤทธิ์เป็นนายกฯ คนที่ 1 และฮุนเซนเป็นนายกฯ คนที่ 2
อย่างไรก็ตาม รัฐบาลผสมนี้ไม่มั่นคง และในปี พ.ศ. 2540 ฮุนเซนได้ ทำรัฐประหาร ล้มล้างรัฐบาลของเจ้านโรดม รณฤทธิ์ และพยายามจัดตั้งรัฐบาลใหม่ด้วยฝ่ายของตนเอง แม้จะมีการต่อต้าน แต่ในการเลือกตั้งปี พ.ศ. 2541 ฮุนเซนก็ได้รับชัยชนะอย่างเด็ดขาดและได้เป็นนายกรัฐมนตรีเพียงคนเดียวของกัมพูชาตั้งแต่นั้นมา และครองอำนาจยาวนานถึง 30 ปี
เมื่อเขาลงจากตำแหน่งในปี พ.ศ. 2566 เขาก็ได้เสนอชื่อ ฮุน มาเนต บุตรชายคนโตของเขาเอง ขึ้นเป็นนายกรัฐมนตรีคนถัดไป
แม้ฮุนเซนจะไม่ได้เป็นนายกฯ แล้ว แต่เขายังคงมีบทบาทสำคัญอย่างมากในกัมพูชา และตระกูลฮุนก็มีอิทธิพลอย่างกว้างขวางในตำแหน่งสำคัญต่างๆ ฮุน มานิช (บุตรชายคนที่สอง) คุมงานข่าวกรองทหาร ฮุน มานี (บุตรชายคนเล็ก) เป็น ส.ส. และฮุน มานา (บุตรสาว) เป็นเจ้าของธุรกิจสื่อและโทรคมนาคมรายใหญ่ในประเทศ นอกจากนี้ ตระกูลฮุนยังมีการเชื่อมสัมพันธ์กับตระกูลผู้มีอำนาจอื่นๆ เช่น ตระกูลเตีย และตระกูลนำ ผ่านการแต่งงานเพื่อเสริมสร้างฐานอำนาจ
การก้าวขึ้นสู่อำนาจของตระกูลฮุนเป็นผลจากเหตุการณ์ประวัติศาสตร์ที่ซับซ้อน ตั้งแต่การต่อสู้เพื่อเอกราช สงครามกลางเมือง และการพลิกผันทางการเมือง ทำให้ตระกูลนี้สามารถสร้างฐานอำนาจที่แข็งแกร่งและกุมบังเหียนประเทศกัมพูชาได้อย่างเบ็ดเสร็จจนถึงปัจจุบัน

















