ฮุนเซนเดือด! ซัด “สนธิ” หยุดจองหอง ลั่นอย่าดูถูกกัมพูชา – เตือน “จตุพร” เบาได้เบา
"ฮุน เซน" เดือดจัด! ฟาดกลับ "สนธิ ลิ้มทองกุล" อย่าจองหอง-ดูถูกกัมพูชา พร้อมปราม "จตุพร" ให้นอบน้อม หลังเคยให้ที่ลี้ภัย-เลี้ยงดูอย่างดี
เมื่อวันที่ 16 มิถุนายน พ.ศ. 2568 สื่อต่างประเทศหลายสำนักรายงานตรงกันว่า สมเด็จฮุน เซน อดีตนายกรัฐมนตรีผู้ครองอำนาจยาวนานของกัมพูชา ปัจจุบันดำรงตำแหน่งประธานวุฒิสภาองคมนตรี ออกมาแสดงท่าทีแข็งกร้าวต่อการเคลื่อนไหวของบุคคลในฝั่งการเมืองไทย โดยเฉพาะ “สนธิ ลิ้มทองกุล” แกนนำกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย และ “จตุพร พรหมพันธุ์” อดีตผู้นำแนวร่วม นปช. ที่เคยมีบทบาทในช่วงวิกฤตการณ์การเมืองไทยเมื่อสิบกว่าปีก่อน
ฮุน เซน แสดงความไม่พอใจอย่างรุนแรงต่อสิ่งที่เขามองว่าเป็น "ความจองหองและการดูหมิ่นประเทศกัมพูชา" โดยเฉพาะจากบุคคลที่เคยมีบทบาทสำคัญในความขัดแย้งไทย-กัมพูชาในอดีต
🔥 ฟาดแรง! ฮุน เซน เตือน “สนธิ” อย่าดูถูกกัมพูชา ชี้ยังมีอำนาจแม้ไม่ใช่นายกแล้ว
สมเด็จฮุน เซน ได้กล่าวถึง “สนธิ ลิ้มทองกุล” โดยใช้ถ้อยคำที่ตรงไปตรงมาและแข็งกร้าว โดยกล่าวหาว่าสนธิเป็นบุคคลที่มีทัศนคติต่อกัมพูชาในทางลบมาโดยตลอด โดยระบุว่า
“สนธิมองว่าคนเขมรเป็นศัตรูตั้งแต่อดีตถึงปัจจุบัน ซึ่งเป็นเรื่องที่ไม่อาจยอมรับได้”
แม้ว่าปัจจุบันฮุน เซนจะไม่ได้ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีอีกต่อไป แต่เจ้าตัวยืนยันว่าตนยังคงมีบทบาทในทางการเมือง และมีอิทธิพลอยู่เบื้องหลังการบริหารประเทศ โดยกล่าวว่า
“แม้จะไม่ใช่ผู้นำประเทศแล้ว แต่ข้าพเจ้าก็ยังมีอำนาจอยู่ การดูถูกกัมพูชาเป็นเรื่องที่ควรหลีกเลี่ยง”
คำพูดนี้มีนัยสำคัญอย่างมากในแวดวงการเมืองระหว่างประเทศ เพราะแสดงถึงความรู้สึกของผู้นำที่เคยปกครองประเทศมานานถึง 47 ปี และมีบทบาทสำคัญในการสร้างเสถียรภาพและการพัฒนากัมพูชาอย่างต่อเนื่อง
🤝 “จตุพร” ก็ไม่รอด ฮุน เซน เตือนให้นอบน้อม หลังเคยลี้ภัย-เลี้ยงดูอย่างดี
อีกคนหนึ่งที่ฮุน เซน กล่าวถึงในถ้อยแถลงครั้งนี้ คือ “จตุพร พรหมพันธุ์” อดีตแกนนำแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) หรือ “คนเสื้อแดง” ซึ่งในช่วงหนึ่งของวิกฤตการณ์การเมืองไทย เคยเดินทางไปพึ่งพากัมพูชาในฐานะผู้ลี้ภัย
ฮุน เซนเปิดเผยว่า เขาเคยให้ความช่วยเหลือจตุพรอย่างมาก ทั้งการให้ที่พักพิง อาหาร และการดูแลอย่างดี พร้อมแสดงความผิดหวังว่า อีกฝ่ายไม่น่าจะแสดงพฤติกรรมที่ขาดความเคารพเช่นปัจจุบัน โดยเขากล่าวอย่างตรงไปตรงมาว่า
“จตุพรและคนเสื้อแดงเคยได้รับความเมตตาจากข้าพเจ้า ได้รับอาหาร ได้รับการต้อนรับอย่างดี แต่กลับมาแสดงพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสมในภายหลัง”
ฮุน เซนย้ำว่า ผู้ที่เคยได้รับความช่วยเหลือ ควรมีความอ่อนน้อมถ่อมตนมากกว่านี้ และควรตระหนักถึงสิ่งที่ผู้นำกัมพูชาเคยทำให้ในอดีต ไม่ควรลืมบุญคุณหรือแสดงท่าทีแข็งกร้าวตอบกลับอย่างไม่เหมาะสม
🌏 เบื้องหลังความสัมพันธ์ไทย-กัมพูชา: จากความร่วมมือสู่ความตึงเครียด
แม้ประเทศไทยและกัมพูชาจะมีพรมแดนที่ติดกัน และมีประวัติศาสตร์ร่วมยาวนานในหลายมิติ ทั้งในแง่วัฒนธรรม ศาสนา การค้า และการท่องเที่ยว แต่ความสัมพันธ์ระหว่างสองประเทศก็ไม่ได้ราบรื่นเสมอไป โดยเฉพาะในช่วงวิกฤตการณ์ปราสาทพระวิหาร และความขัดแย้งทางการเมืองภายในของไทยที่ส่งผลกระทบถึงการทูตกับกัมพูชา
ในอดีต สนธิ ลิ้มทองกุล เคยมีบทบาทในการปลุกกระแสต่อต้านกัมพูชาในประเด็นเกี่ยวกับอธิปไตยของไทยเหนือพื้นที่ปราสาทพระวิหาร ซึ่งนำไปสู่การปิดด่านชายแดน ความตึงเครียดทางการทูต และแม้กระทั่งการปะทะกันของทหารทั้งสองฝั่ง
💬 วิเคราะห์คำพูด “ฮุน เซน”: ไม่ใช่แค่เตือน แต่เป็นการส่งสัญญาณทางการเมือง
คำพูดของสมเด็จฮุน เซนในครั้งนี้ อาจดูเหมือนเป็นการตอบโต้ส่วนตัว แต่ในเชิงการเมืองแล้วกลับมีความหมายลึกซึ้งมากกว่า เพราะนี่คือการส่งสัญญาณเตือนไปยังนักการเมืองไทยว่า อย่ามองข้ามอิทธิพลของกัมพูชา และอย่าดูถูกประเทศเพื่อนบ้านที่มีบทบาททางภูมิรัฐศาสตร์ไม่แพ้ใคร
การย้ำว่า “ตนยังมีอำนาจ” แม้ไม่ใช่นายกฯ แล้ว คือการบอกอย่างชัดเจนว่า ฮุน เซนยังเป็นผู้อยู่เบื้องหลังรัฐบาลกัมพูชาชุดปัจจุบัน และพร้อมจะปกป้องศักดิ์ศรีของประเทศอย่างเต็มที่
📌 สรุปประเด็นสำคัญ:
ฮุน เซน ตำหนิ สนธิ ลิ้มทองกุล ว่าเป็นบุคคลที่มีทัศนคติต่อต้านกัมพูชาอย่างต่อเนื่อง
ยืนยันว่า แม้จะพ้นตำแหน่งนายกฯ แล้ว แต่ยังมีอำนาจ และพร้อมปกป้องศักดิ์ศรีของประเทศ
เตือนจตุพร พรหมพันธุ์ ให้อ่อนน้อมถ่อมตน เนื่องจากเคยได้รับความช่วยเหลือจากกัมพูชาในช่วงวิกฤตการเมือง
ถือเป็นการเตือนนักการเมืองไทยให้ระมัดระวังในการวิจารณ์หรือเคลื่อนไหวที่อาจกระทบต่อความสัมพันธ์ไทย-กัมพูชา
สะท้อนให้เห็นถึงบทบาทเบื้องหลังของฮุน เซน ที่ยังทรงพลังในเวทีการเมืองภูมิภาค
✍️ บทส่งท้าย: เมื่อผู้นำเก่า...ยังไม่ใช่ "อดีต" อย่างแท้จริง
กรณีของฮุน เซน แสดงให้เห็นว่า ผู้นำที่อยู่ในอำนาจมายาวนาน ไม่ได้หมดบทบาทเพียงเพราะลงจากตำแหน่งอย่างเป็นทางการ เขายังสามารถใช้ "พลังอำนาจเบื้องหลัง" สร้างอิทธิพลได้ทั้งภายในและภายนอกประเทศ คำเตือนที่มาพร้อมกับอดีตของความช่วยเหลือ คำตำหนิที่มาพร้อมกับอดีตแห่งความตึงเครียด ล้วนเป็นสิ่งที่ต้องพิจารณาอย่างรอบคอบในทุกก้าวของความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ
ประเทศไทยในฐานะเพื่อนบ้านใกล้ชิดของกัมพูชา คงต้องติดตามท่าทีของฮุน เซนอย่างใกล้ชิด เพราะคำพูดของเขาในวันนี้...อาจเป็นสัญญาณของคลื่นใต้น้ำที่ยังไม่จางหายไปจากเวทีภูมิรัฐศาสตร์เอเชียตะวันออกเฉียงใต้













