ผวาทั้งแนวชายแดน! ระเบิดตูมสนั่น เขมรขุดดินเจอของแรงเข้าเต็ม ๆ

แรงระเบิดสะเทือนชายแดนช่องจอม! ชาวบ้านแตกตื่นนึกว่ารบ สุดท้ายพบคนงานเขมรขุดเจอระเบิดโบราณกลางวันแสกๆ

เกิดเหตุระเบิดกลางวันแสกๆ บริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา ด่านช่องจอม จังหวัดสุรินทร์ ทำเอาชาวบ้านและเจ้าหน้าที่ทั้งสองฝั่งตกตะลึงและหวาดผวา คิดว่าอาจเกิดเหตุสู้รบหรือความไม่สงบขึ้นอีกครั้งในพื้นที่ซึ่งเคยเป็นสนามรบในอดีต ก่อนจะมีการตรวจสอบจนพบว่าที่แท้เป็นอุบัติเหตุจากการขุดเจอระเบิดเก่าซึ่งถูกฝังไว้มาเป็นเวลานาน!

เหตุการณ์ระทึกเช้าวันที่ 16 มิถุนายน: เสียงระเบิดกลางชายแดน

เช้าวันที่ 16 มิถุนายน 2568 เวลา 08.45 น. บรรยากาศที่จุดผ่านแดนถาวรช่องจอม ตำบลด่าน อำเภอกาบเชิง จังหวัดสุรินทร์ เต็มไปด้วยความวุ่นวายและแตกตื่นอย่างไม่คาดฝัน เมื่ออยู่ๆ ได้ยินเสียงระเบิดดังสนั่นหวั่นไหวมาจากฝั่งกัมพูชา เสียงดังชัดเจนจนเจ้าหน้าที่ประจำด่านไทย รวมถึงเจ้าหน้าที่กัมพูชาและประชาชนที่รอข้ามแดนต้องหยุดชะงัก บางคนถึงกับวิ่งหลบหาที่ปลอดภัยด้วยความตระหนก

เสียงระเบิดที่ดังขึ้นแบบไม่ทันตั้งตัว ทำให้หลายคนคิดไปไกลว่านี่อาจเป็นสัญญาณของเหตุความไม่สงบ หรืออาจมีการสู้รบระหว่างกองกำลังบางกลุ่มในพื้นที่ชายแดนที่เคยเกิดเหตุลักษณะนี้มาแล้วในอดีต

ตรวจสอบพบสาเหตุแท้จริง: คนงานขุดเจอกับดักมรณะในอดีต

หลังจากเจ้าหน้าที่ฝ่ายไทยเข้าตรวจสอบข้อมูลร่วมกับฝ่ายกัมพูชา ก็พบว่าต้นตอของเสียงระเบิดครั้งนี้เกิดจากคนงานชาวกัมพูชารายหนึ่ง ซึ่งกำลังขับรถแบ็กโฮเพื่อเคลียร์พื้นที่บริเวณหลังบ่อนกาสิโนในฝั่งกัมพูชา ซึ่งอยู่ไม่ไกลจากแนวชายแดนไทย แต่โชคร้าย ขณะทำการขุดดิน เขากลับไปเจอกับวัตถุต้องสงสัย ซึ่งภายหลังระเบิดขึ้นเสียงดังสนั่น

แรงระเบิดส่งผลให้รถแบ็กโฮได้รับความเสียหายอย่างหนัก บริเวณบุ้งกี้ที่ใช้ขุดพังยับเยิน กระจกรถแตกกระจายทั่วบริเวณ และที่สำคัญคือ คนขับรถแบ็กโฮรายนั้นได้รับบาดเจ็บสาหัสจากแรงอัดของระเบิด

ชาวกัมพูชาที่อยู่ในบริเวณใกล้เคียงรีบเข้าช่วยเหลืออย่างเร่งด่วน และช่วยกันนำตัวผู้บาดเจ็บส่งโรงพยาบาลในฝั่งกัมพูชาอย่างเร่งด่วน โดยยังไม่มีรายงานแน่ชัดถึงอาการล่าสุดในขณะนี้

ระเบิดชนิดใด? ยังไม่แน่ชัด แต่อาจเป็น “ของเก่า” จากยุคสงคราม

แม้ว่าเหตุระเบิดครั้งนี้จะสร้างความตกใจในเบื้องต้น แต่หลังจากตรวจสอบในเบื้องต้น ยังไม่มีข้อมูลแน่ชัดว่า ระเบิดที่ระเบิดขึ้นนั้นเป็นของชนิดใด มาจากที่ใด และมีผู้นำมาฝังไว้เมื่อใด ซึ่งเจ้าหน้าที่กัมพูชาเองก็ยังไม่สามารถยืนยันได้อย่างชัดเจน

อย่างไรก็ดี มีการตั้งข้อสันนิษฐานจากผู้ที่อยู่ในพื้นที่ รวมถึงเจ้าหน้าที่ฝ่ายไทยบางรายว่า ระเบิดที่พบอาจเป็นระเบิดสมัยสงครามที่เคยถูกฝังไว้ตามแนวชายแดน โดยเฉพาะในยุคที่มีการสู้รบระหว่างกองกำลังรัฐบาลกัมพูชากับฝ่ายตรงข้ามในช่วงสงครามกลางเมือง หรือยุคการสู้รบของเขมรแดงและกองกำลังไทย-กัมพูชาในอดีต ซึ่งพื้นที่ชายแดนบริเวณสุรินทร์-อุดรมีชัย (Oddar Meanchey) เคยเป็นหนึ่งในแนวปะทะสำคัญ

ชายแดนช่องจอม: อดีตสมรภูมิร้อน กลายเป็นด่านการค้าท่ามกลางกับดักมรณะ?

ด่านช่องจอม เป็นหนึ่งในด่านชายแดนสำคัญที่เชื่อมโยงการค้าระหว่างไทยและกัมพูชา โดยเฉพาะการท่องเที่ยว การค้าขาย และการเดินทางของแรงงานข้ามชาติ แต่อดีตของพื้นที่นี้เต็มไปด้วยร่องรอยของความขัดแย้ง ความสูญเสีย และกับดักระเบิดที่เคยถูกวางไว้เพื่อยับยั้งการรุกล้ำทางทหาร

แม้จะผ่านมาหลายสิบปีหลังสิ้นสุดความขัดแย้ง ความพยายามเก็บกู้ทุ่นระเบิดและวัตถุระเบิดที่ตกค้างในพื้นที่ชายแดนของกัมพูชาและไทยยังคงดำเนินอยู่ในบางจุด แต่หลายพื้นที่ โดยเฉพาะในแนวป่าหรือบริเวณที่ถูกใช้โดยเอกชนเพื่อการพัฒนา ยังอาจมีวัตถุอันตรายซ่อนอยู่โดยไม่มีใครรู้มาก่อน

เหตุการณ์ล่าสุดนี้จึงเป็นเครื่องเตือนใจที่สำคัญว่า อดีตอันเจ็บปวดยังอาจทิ้งร่องรอยไว้ในปัจจุบันได้เสมอ หากไม่มีการตรวจสอบพื้นที่อย่างละเอียดก่อนเริ่มโครงการใด ๆ ก็ตาม

เสียงจากชาวบ้าน: “ตอนนั้นคิดว่าเกิดสงครามแล้วจริงๆ”

หนึ่งในชาวบ้านที่อยู่ใกล้บริเวณจุดผ่านแดนฝั่งไทยให้สัมภาษณ์ว่า

 “ตอนที่ได้ยินเสียงระเบิด ทุกคนตกใจมาก คิดว่าสงครามกลับมาอีกแล้ว บางคนตะโกนให้วิ่งหนี หลายคนหลบใต้แผงขายของ มันดังจนสะเทือนถึงฝั่งไทยเลย”

แม้ภายหลังจะได้รับการยืนยันว่าเป็นอุบัติเหตุจากการขุดพบระเบิดเก่า แต่ความตกใจและหวาดกลัวยังคงอยู่ในความทรงจำของผู้ที่อยู่ในเหตุการณ์

บทเรียนและข้อเสนอแนะ: พื้นที่ชายแดนควรได้รับการตรวจสอบก่อนการใช้งาน

เหตุระเบิดครั้งนี้ แม้จะไม่มีผู้เสียชีวิต และไม่ได้เกิดขึ้นในฝั่งไทยโดยตรง แต่ก็สะท้อนถึงความจำเป็นเร่งด่วนในการตรวจสอบความปลอดภัยของพื้นที่ชายแดน โดยเฉพาะพื้นที่ที่มีประวัติความขัดแย้งทางทหารมาก่อน

รัฐบาลกัมพูชาควรเร่งทำแผนที่แนวกับระเบิด (minefield map) อย่างเป็นระบบ รวมถึงจัดโครงการเก็บกู้ระเบิดในพื้นที่ที่ถูกใช้พัฒนาเป็นโครงการเศรษฐกิจ เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดเหตุสลดในลักษณะนี้อีกในอนาคต

ในขณะที่ฝ่ายไทยเองก็อาจต้องร่วมมือในการแลกเปลี่ยนข้อมูลแนวพื้นที่อันตรายตามแนวชายแดน เพื่อให้การพัฒนาชายแดนเป็นไปอย่างปลอดภัยและยั่งยืน

เสียงระเบิดที่เตือนใจว่า “อดีตยังไม่จางหาย”

เหตุการณ์ชาวกัมพูชาขุดเจอระเบิดในพื้นที่ใกล้ชายแดนช่องจอมครั้งนี้ อาจเป็นเพียงอุบัติเหตุ แต่ก็ถือเป็นบทเรียนสำคัญที่ไม่ควรมองข้าม ทั้งในด้านความปลอดภัยของแรงงาน การพัฒนาพื้นที่ชายแดน รวมถึงการฟื้นความทรงจำว่า ประเทศที่เคยมีสงครามย่อมต้องใช้เวลาในการ “คลี่คลายระเบิดเงียบ” ให้หมดสิ้นอย่างแท้จริง

แม้ชายแดนจะสงบแล้วในวันนี้ แต่กับดักของอดีตอาจยังฝังลึกอยู่ใต้ผืนดิน — รอเพียงเวลาและโชคร้ายที่จะจุดชนวนขึ้นมาอีกครั้ง...