ทรัมป์ฟาดแรง! กัมพูชาติดโผ 36 ชาติส่อโดนแบนเข้าสหรัฐฯ
ทรัมป์จ่อแบนพลเมือง 36 ประเทศเข้าสหรัฐ กัมพูชาติดโผ! เหตุขาดความร่วมมือ-หวั่นความปลอดภัย
กลายเป็นประเด็นร้อนบนเวทีการเมืองระหว่างประเทศอีกครั้ง เมื่อล่าสุดสื่อในสหรัฐรายงานว่า ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ กำลังพิจารณามาตรการคุมเข้มการเดินทางเข้าสหรัฐอเมริกา ด้วยการเตรียมระงับการเดินทางของพลเมืองจาก 36 ประเทศทั่วโลก ซึ่งรวมถึงประเทศเพื่อนบ้านของไทยอย่าง กัมพูชา ด้วย โดยให้เหตุผลว่า ประเทศเหล่านี้ขาดความร่วมมือกับรัฐบาลสหรัฐในด้านความมั่นคง ปล่อยปละละเลยไม่ช่วยอำนวยความสะดวกในการส่งตัวพลเมืองกลับประเทศต้นทาง อีกทั้งยังมีข้อกังวลเกี่ยวกับเอกสารการเดินทางที่อาจเป็นอันตรายต่อความปลอดภัยของประเทศ
36 ประเทศในข่ายเสี่ยงถูกระงับวีซ่า
จากเอกสารภายในกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ ที่ลงนามโดยนายมาร์โก รูมิโอ รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐฯ ระบุรายชื่อ 36 ประเทศที่อยู่ในข่ายอาจถูกระงับการเดินทางเข้าสหรัฐ หากไม่สามารถปฏิบัติตามเงื่อนไขภายใน 60 วัน ได้แก่:
แองโกลา, แอนติกาและบาร์บูดา, เบนิน, ภูฏาน, บูร์กินาฟาโซ, เคปเวิร์ด, กัมพูชา, แคเมอรูน, โกตดิวัวร์, สาธารณรัฐประชาธิปไตยคองโก, จิบูตี, โดมินิกา, เอธิโอเปีย, อียิปต์, กาบอง, แกมเบีย, กานา, คีร์กีซสถาน, ไลบีเรีย, มาลาวี, มอริเตเนีย, ไนเจอร์, ไนจีเรีย, เซนต์คิตส์และเนวิส, เซนต์ลูเซีย, เซาตูเมและปรินซิปี, เซเนกัล, ซูดานใต้, ซีเรีย, แทนซาเนีย, ตองกา, ตูวาลู, ยูกันดา, วานูอาตู, แซมเบีย และ ซิมบับเว
โดยมาตรการนี้อาจมีผลบังคับใช้ทั้งในรูปแบบ ห้ามเข้าโดยสิ้นเชิง หรือ จำกัดบางส่วน ขึ้นอยู่กับระดับความร่วมมือของแต่ละประเทศ ซึ่งรัฐบาลสหรัฐฯ จะประเมินภายในระยะเวลา 60 วัน หากไม่มีการปรับปรุงหรือแสดงความร่วมมือ ก็อาจต้องเผชิญกับการระงับวีซ่าและการเดินทางอย่างถาวร
เหตุผลที่สหรัฐฯ เตรียมระงับวีซ่า
ตามเอกสารของกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ สาเหตุหลักที่สหรัฐฯ พิจารณามาตรการดังกล่าวมีอยู่หลายประการ ได้แก่:
ขาดความร่วมมือในการส่งตัวผู้กระทำผิดกลับประเทศต้นทาง
มีหลายกรณีที่พลเมืองจากประเทศดังกล่าวกระทำผิดกฎหมายในสหรัฐ แต่รัฐบาลของตนปฏิเสธหรือหลีกเลี่ยงการรับตัวกลับ ส่งผลให้สหรัฐต้องแบกรับภาระและความเสี่ยงด้านความมั่นคง
หนังสือเดินทางมีปัญหาด้านความปลอดภัย
เอกสารเดินทางของบางประเทศถูกมองว่าอาจถูกปลอมแปลงได้ง่าย หรือขาดระบบการควบคุมที่น่าเชื่อถือ ทำให้ยากต่อการตรวจสอบตัวตนอย่างถูกต้อง
พลเมืองบางส่วนมีประวัติเกี่ยวข้องกับการก่อการร้ายหรือความไม่มั่นคง
สหรัฐฯ ยังคงกังวลว่าบางประเทศอาจมีพลเมืองที่แอบแฝงเข้ามาเพื่อกระทำการที่เป็นภัยต่อประเทศ เช่น การก่อการร้าย, ความเกลียดชังทางเชื้อชาติ โดยเฉพาะการต่อต้านชาวยิว หรือการต่อต้านผลประโยชน์ของสหรัฐฯ
เจ้าหน้าที่ของกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ ยังกล่าวเพิ่มเติมว่า "รัฐบาลมุ่งมั่นในการปกป้องชาติและพลเมือง โดยจะรักษามาตรฐานความปลอดภัยในระดับสูงสุด และจะปรับปรุงนโยบายการตรวจคนเข้าเมืองเพื่อป้องกันภัยคุกคามที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต"
กัมพูชาได้รับผลกระทบอย่างไร?
หนึ่งในประเทศที่ถูกพูดถึงมากที่สุดจากรายการนี้คือ กัมพูชา ซึ่งอยู่ติดกับประเทศไทยและมีแรงงานจำนวนมากที่เดินทางเข้ามาทำงานในไทย รวมถึงบางส่วนที่เดินทางต่อไปยังสหรัฐผ่านหลากหลายเส้นทาง
แม้รัฐบาลกัมพูชาจะยังไม่ออกแถลงการณ์อย่างเป็นทางการ แต่กระแสในโลกออนไลน์ของชาวกัมพูชาบางส่วนเริ่มแสดงความกังวล โดยเฉพาะผู้ที่อาศัยอยู่ในสหรัฐ หรือมีแผนจะเดินทางไปเพื่อศึกษาหรือทำงาน เพราะหากมีการบังคับใช้จริง ย่อมกระทบกับชีวิต ความฝัน และโอกาสของคนจำนวนมาก
ย้อนดูมาตรการแบนก่อนหน้า
ก่อนหน้านี้ ทรัมป์เคยมีมาตรการที่คล้ายกันในช่วงดำรงตำแหน่งก่อนหน้านี้ โดยได้สั่งห้ามพลเมืองจาก 12 ประเทศเข้าสหรัฐ ได้แก่: อัฟกานิสถาน, เมียนมา, ซาด, สาธารณรัฐคองโก, อิเควทอเรียลกินี, เอริเทรีย, เฮติ, อิหร่าน, ลิเบีย, โซมาเลีย, ซูดาน และเยเมน
นอกจากนี้ยังจำกัดการเดินทางของพลเมืองอีก 7 ประเทศ ได้แก่: บุรุนดี, คิวบา, ลาว, เซียร์ราลีโอน, โตโก, เติร์กเมนิสถาน และเวเนซุเอลา
มาตรการทั้งหมดอ้างว่าเป็นความจำเป็นเพื่อปกป้องสหรัฐจากภัยก่อการร้ายและภัยคุกคามด้านความมั่นคงจากต่างประเทศ ซึ่งเป็นนโยบายที่สอดคล้องกับจุดยืน "America First" ของทรัมป์
เสียงวิจารณ์จากทั่วโลก
แม้สหรัฐฯ จะยืนยันว่ามาตรการเหล่านี้มีเป้าหมายเพื่อความปลอดภัยของประชาชน แต่ก็มีเสียงวิจารณ์จากกลุ่มสิทธิมนุษยชนและประเทศต่างๆ ว่าเป็นการเลือกปฏิบัติและละเมิดสิทธิมนุษยชน บ้างก็วิจารณ์ว่าเป็นมาตรการที่ขัดกับหลักเสรีภาพและความเป็นธรรมในสังคมประชาธิปไตย
องค์กรต่างประเทศหลายแห่ง รวมถึง UNHCR และกลุ่ม NGO ที่ดูแลผู้ลี้ภัย แสดงความกังวลว่า หากมีการระงับการเดินทางในวงกว้างจริง อาจส่งผลกระทบต่อผู้ที่หลบหนีภัยสงครามหรือการประหัตประหาร
บทสรุป
การที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ เตรียมพิจารณาแบนพลเมืองจาก 36 ประเทศเข้าสหรัฐ ถือเป็นมาตรการด้านความมั่นคงที่รุนแรงและส่งผลกระทบเป็นวงกว้าง โดยเฉพาะต่อประชาชนผู้บริสุทธิ์ที่อาจมีความฝันและเป้าหมายในการศึกษาหรือทำงานในสหรัฐฯ
แม้มาตรการนี้จะยังไม่บังคับใช้ทันที แต่การออกคำเตือนเช่นนี้แสดงให้เห็นถึงท่าทีที่จริงจังของรัฐบาลสหรัฐในการป้องกันภัยคุกคาม และอาจเป็นการส่งสัญญาณให้ประเทศต่างๆ ปรับปรุงมาตรฐานและความร่วมมือกับสหรัฐเพื่อหลีกเลี่ยงผลกระทบที่จะตามมาในอนาคต











