รัฐเดินหน้าเยียวยา! เพิ่มอีก 40 ครอบครัวเหยื่อ สตง.ถล่ม จ่ายรวม 40 ล้านบาท
“ยุติธรรม-สภาทนายความ-กิจการร่วมค้า ITD-CREC” มอบเงินเยียวยา 40 ล้านบาทให้ทายาทผู้เสียชีวิตเหตุอาคาร สตง. ถล่ม ขณะคดีอาญาเดินหน้าตามกฎหมาย
วันที่ 15 มิถุนายน พ.ศ. 2568 ณ เรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร ถนนงามวงศ์วาน แขวงลาดยาว เขตจตุจักร กรุงเทพมหานคร ได้มีพิธีมอบเงินเยียวยาแก่ครอบครัวผู้เสียชีวิตจากเหตุการณ์อาคารสำนักงานแห่งใหม่ของสำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) ถล่ม ซึ่งเป็นเหตุการณ์สะเทือนใจที่ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตถึง 100 ราย และได้รับบาดเจ็บอีกจำนวนมาก
โดยพิธีมอบเงินครั้งนี้เป็นความร่วมมือระหว่างกระทรวงยุติธรรม สภาทนายความแห่งประเทศไทย กรมคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพ และกิจการร่วมค้าระหว่าง บริษัท อิตาเลียนไทย ดีเวล๊อปเมนต์ จำกัด (มหาชน) และ บริษัท ไชน่า เรลเวย์ นัมเบอร์ 10 (ประเทศไทย) จำกัด ซึ่งเป็นกลุ่มผู้รับเหมาโครงการก่อสร้างอาคารที่เกิดเหตุ
ในพิธีดังกล่าว พันตำรวจเอก ทวี สอดส่อง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ได้ร่วมมอบเช็คเงินสดจำนวน 1 ล้านบาทต่อราย รวมทั้งสิ้น 40 ล้านบาท ให้แก่ทายาทของผู้เสียชีวิตจำนวน 40 ครอบครัว (รวมผู้รับ 99 คน) เพื่อเป็นการเยียวยาตามหลักสิทธิมนุษยธรรม โดยไม่ผูกพันกับผลของคดีในชั้นศาลแต่อย่างใด
ย้ำเจตนารมณ์ “สิทธิมนุษยธรรม” นำหน้า ไม่เกี่ยวข้อแลกเปลี่ยนทางกฎหมาย
พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง กล่าวภายในงานว่า เหตุการณ์นี้ถือเป็นบทเรียนสำคัญของสังคมไทย และการมอบเงินเยียวยาครั้งนี้เป็นการสะท้อนหลักสิทธิมนุษยธรรมอย่างแท้จริง โดยไม่มีข้อแลกเปลี่ยนทางกฎหมาย ไม่มีการผูกพันคดีความใด ๆ ในชั้นศาล เป็นการแสดงความรับผิดชอบโดยสมัครใจของกลุ่มผู้เกี่ยวข้อง เพื่อบรรเทาความเจ็บปวดแก่ครอบครัวผู้เสียชีวิต
ก่อนหน้านี้ มีการจ่ายเงินช่วยเหลือรอบแรกไปแล้วจำนวน 12 ล้านบาท ให้กับ 12 ครอบครัว โดยในรอบล่าสุดนี้จ่ายเพิ่มอีก 40 ล้านบาท สำหรับ 40 ครอบครัว และยังมีครอบครัวผู้เสียชีวิตที่ยังไม่ได้รับเงินเยียวยาอีก 48 ครอบครัว ซึ่งทางหน่วยงานที่เกี่ยวข้องยืนยันว่าจะเร่งดำเนินการตรวจสอบและจ่ายเงินให้ครบถ้วนโดยเร็วที่สุด
สภาทนายความพร้อมให้ความช่วยเหลือทางกฎหมาย “ไม่เสียค่าใช้จ่าย”
ด้าน ดร.วิเชียร ชุบไธสง ประธานสภาทนายความแห่งประเทศไทย กล่าวย้ำว่า การมอบเงินเยียวยาครั้งนี้ไม่ใช่การระงับข้อพิพาทหรือการเจรจาไกล่เกลี่ยในทางคดี หากแต่เป็นการให้ความช่วยเหลือตามหลักสิทธิมนุษยธรรมอย่างแท้จริง ซึ่งไม่ผูกพันต่อการดำเนินคดีแพ่งหรือคดีอาญาในภายภาคหน้า
“ญาติหรือทายาทของผู้เสียชีวิตยังคงสามารถดำเนินคดีเรียกค่าเสียหายหรือสินไหมทดแทนจากผู้เกี่ยวข้องได้ตามสิทธิที่กฎหมายบัญญัติไว้ และทางสภาทนายความพร้อมที่จะให้ความช่วยเหลือโดยไม่เรียกเก็บค่าใช้จ่ายใด ๆ ทั้งสิ้น” ดร.วิเชียรกล่าว
ทั้งนี้ ยังได้ระบุด้วยว่า ปัจจุบันยังไม่มีการประสานจากสำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) ในการออกมาแสดงความรับผิดชอบต่อเหตุการณ์ดังกล่าว แต่ทางกิจการร่วมค้าในฐานะผู้รับเหมาก่อสร้างได้แสดงความตั้งใจในการรับผิดชอบและบรรเทาความเดือดร้อนของผู้ได้รับผลกระทบอย่างต่อเนื่อง
กิจการร่วมค้าเผยยังไม่ทราบสาเหตุอาคารถล่มที่แน่ชัด แต่ยินดีรับผิดชอบ
ผู้แทนกิจการร่วมค้าระหว่าง ITD และ China Railway No.10 เปิดเผยว่า ตั้งแต่เกิดเหตุอาคารถล่ม ก็ยังไม่มีผลสรุปทางการอย่างชัดเจนถึงสาเหตุของการพังถล่มของอาคาร อย่างไรก็ตาม ทางกลุ่มผู้รับเหมาได้ตระหนักดีว่า ผู้เสียชีวิตและผู้บาดเจ็บส่วนใหญ่เป็นบุคลากรของบริษัทตนเอง ทั้งช่างเทคนิค วิศวกร และคนงาน จึงถือว่าเป็นการสูญเสีย “กำลังหลัก” ของบริษัท
“เราจึงไม่คิดว่าใครต้องเป็นผู้รับผิด เราไม่รอให้ใครออกมารับผิดชอบ แต่เราคิดแค่ว่าเราต้องทำอะไรเพื่อบรรเทาความทุกข์ของครอบครัวผู้สูญเสียให้เร็วที่สุด” ผู้แทนกิจการร่วมค้ากล่าว
นอกจากนี้ ยังเผยว่าทางกิจการร่วมค้าได้สนับสนุนค่าใช้จ่ายต่าง ๆ สำหรับภารกิจช่วยเหลือและกู้ภัยตั้งแต่วันแรกที่เกิดเหตุ เพียงแต่ไม่ได้มีการเปิดเผยต่อสาธารณะมากนัก
ปัญหาที่ล่าช้า เพราะต้องตรวจสอบสิทธิทายาทอย่างรัดกุม
สาเหตุที่ทำให้การจ่ายเงินเยียวยาบางส่วนเกิดความล่าช้านั้น เนื่องจากพบว่ามีบุคคลจำนวนหนึ่งแอบอ้างว่าเป็นญาติหรือทายาทของผู้เสียชีวิต เพื่อหวังจะรับเงินชดเชย ทำให้ต้องมีการลงพื้นที่ตรวจสอบเอกสาร หลักฐาน และสัมภาษณ์บุคคลที่เกี่ยวข้องอย่างละเอียด เพื่อให้แน่ใจว่าเงินช่วยเหลือจะถึงมือผู้ที่มีสิทธิโดยชอบธรรมจริง ๆ
“เราขอให้ทุกคนมั่นใจว่า การดำเนินการทุกอย่างเป็นไปด้วยความโปร่งใส รอบคอบ และมีเป้าหมายเพียงเพื่อบรรเทาความเดือดร้อนของครอบครัวผู้สูญเสียเท่านั้น และเราจะเร่งจ่ายเงินส่วนที่เหลือให้ครบทุกครอบครัวโดยเร็วที่สุด” ผู้แทนกิจการร่วมค้าให้คำมั่น
คดีอาญายังดำเนินต่อในชั้นศาล – ปมถือหุ้นแทนไม่เกี่ยวกับตึกถล่ม
เมื่อผู้สื่อข่าวสอบถามถึงคดีความที่เกี่ยวข้องกับกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ในประเด็นเรื่องการถือหุ้นแทน หรือ “นอมินี” ระหว่างผู้ประกอบการไทยและจีนในโครงการก่อสร้างดังกล่าว ทางผู้แทนกิจการร่วมค้าชี้แจงว่า กรณีดังกล่าวเป็นคดีแยกต่างหาก และไม่มีความเกี่ยวข้องกับสาเหตุของการถล่มของอาคารสำนักงาน สตง. แต่อย่างใด
“อย่างไรก็ตาม เราในฐานะฝ่ายกฎหมายของบริษัท พร้อมเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม และขอให้สังคมมั่นใจว่าเราจะไม่หลีกเลี่ยงความรับผิดใด ๆ ทั้งสิ้น” ตัวแทนกล่าว
เหตุการณ์อาคารถล่มที่นำไปสู่การสูญเสียชีวิตผู้คนถึงกว่า 100 ราย เป็นโศกนาฏกรรมที่ไม่มีใครอยากให้เกิดขึ้น และไม่มีสิ่งใดสามารถชดเชยความเจ็บปวดนี้ได้อย่างแท้จริง อย่างไรก็ตาม การเยียวยาในวันนี้คือสัญญาณของความรับผิดชอบ ความห่วงใย และความร่วมมือของทุกภาคส่วน ที่ช่วยกันประคับประคองผู้ที่เหลืออยู่ให้สามารถก้าวต่อไปได้ แม้ในวันที่แสงแห่งความหวังจะริบหรี่ที่สุด













