ศึกหลวงรวมพลัง! เมียหลวง-ผัวหลวงจับมือ รวบผัวนายกอบต. แอบพาลูกจ้างเข้าม่านรูด
"เมียหลวง - ผัวหลวง" แท็กทีมบุกจับคาห้อง! นายก อบต.ชื่อดัง พาสาวลูกจ้างเข้าห้องพัก รีสอร์ตสุรินทร์ สุดท้ายจบที่เลือดอาบ – รถพังยับ
กลายเป็นข่าวดังในพื้นที่จังหวัดสุรินทร์ และกำลังถูกพูดถึงอย่างมากในโลกออนไลน์ เมื่อวันที่ 14 มิถุนายนที่ผ่านมา หลังเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เมืองสุรินทร์ และหน่วยกู้ภัยประจำจังหวัด ต้องรุดลงพื้นที่ตรวจสอบเหตุวุ่นวายภายในรีสอร์ตแห่งหนึ่งในพื้นที่บ้านระหาร ตำบลแกใหญ่ อำเภอเมือง จังหวัดสุรินทร์
เหตุการณ์เริ่มต้นขึ้นในช่วงค่ำ หลังศูนย์วิทยุศรีไผทได้รับแจ้งว่ามีเหตุทะเลาะวิวาทและทำร้ายร่างกายกันรุนแรง พร้อมมีการพกพาอาวุธปืนมายังที่เกิดเหตุ เมื่อเจ้าหน้าที่มาถึงก็พบกับความวุ่นวายเต็มรูปแบบ มีทั้งผู้ได้รับบาดเจ็บ รถยนต์ได้รับความเสียหาย และประชาชนในพื้นที่จำนวนหนึ่งที่เริ่มมุงดูเหตุการณ์ด้วยความตกใจ
รถพัง – คนเจ็บ – ความลับแตกกลางรีสอร์ต
บริเวณที่เกิดเหตุคือห้องพักหมายเลข 19 ภายในรีสอร์ตดังกล่าว มีรถกระบะคันหนึ่งจอดขวางทางหน้าห้อง สภาพรถฝั่งขวายุบยับเสียหายหนัก จากการถูกรถเก๋งโตโยต้า วีออส สีขาว ถอยชนอย่างแรง โดยรถเก๋งคันนี้เป็นของ "นายก อบต." คนดังในพื้นที่ ซึ่งตอนนั้นมีหญิงสาวหน้าตาดีวัยประมาณ 30 ต้น ๆ นั่งมาด้วยในรถ
เหตุการณ์เริ่มบานปลายขึ้นเมื่อหญิงสาวที่มากับนายก อบต. คนนี้ ถูกทำร้ายร่างกายจนได้รับบาดเจ็บ ต้องให้หน่วยกู้ภัยช่วยปฐมพยาบาลก่อนนำตัวส่งโรงพยาบาลสุรินทร์ในเวลาต่อมา โดยมีร่องรอยการถูกทำร้ายด้วยของแข็งอย่างรุนแรง
เบื้องหลังดราม่า – ปมชู้สาวระหว่างเจ้านายกับลูกจ้าง
จากการสอบสวนของเจ้าหน้าที่ตำรวจ ทราบว่าฝ่ายหญิงสาวที่ได้รับบาดเจ็บนั้น เป็นลูกจ้างของ อบต. แห่งเดียวกับนายกฯ คนดังกล่าว ส่วนชายที่พาเธอมารีสอร์ตก็คือนายก อบต. เอง โดยเหตุการณ์ในคืนนั้นเกิดขึ้นเพราะ น.ส.เอ (นามสมมุติ) ซึ่งเป็นภรรยาตามกฎหมายของนายก อบต. ได้จับพิรุธสามีของตัวเองมาได้พักใหญ่ ว่ามีพฤติกรรมแอบคบหากับลูกจ้างสาวในลักษณะที่เกินเลยสถานะเจ้านาย-ลูกน้อง
เมื่อวางแผนกับ "ผัวหลวง" ซึ่งเป็นสามีของหญิงสาวลูกจ้างอีกฝ่าย พวกเขาจึงตัดสินใจนัดหมายกันเพื่อสะกดรอยติดตาม และในที่สุดก็พบว่าทั้งสองคนแอบพากันเข้ามาในรีสอร์ตห่างไกลสายตาผู้คน
เมียหลวงเดือด! – ฟาดไม่ยั้งกลางลานจอดรถ
เมื่อรถของนายก อบต. ขับเข้ามาจอดยังหน้าห้องพัก ภรรยาหลวงที่ซุ่มอยู่กับสามีของหญิงสาว ก็ไม่รอช้า กระโดดเข้าขัดขวางทันที โดยสามีของฝ่ายหญิงสาวถึงกับกระโดดขึ้นหลังคารถเพื่อขอให้ทั้งคู่ลงมาจากรถ ด้านเมียหลวงก็เดือดจัด ใช้ไม้ถูพื้นของรีสอร์ตที่อยู่บริเวณใกล้เคียง ฟาดใส่กระจกรถไม่ยั้ง บางรายงานระบุว่าเธอยังใช้ก้อนหินทุบกระจกรถจนแตกละเอียด
หลังจากนั้น เธอก็พุ่งเข้าทำร้ายหญิงสาวในรถทันที ใช้ไม้ถูพื้นฟาดใส่ร่างอีกฝ่ายด้วยอารมณ์โกรธจัดที่รู้ว่าสามีของตนแอบไปมีความสัมพันธ์ลึกซึ้งกับลูกจ้างสาว ถึงขั้นมีการพากันมาเปิดห้องเช่า
ผัวหลวงก็ไม่ยอม – นายก อบต. พกปืนเข้าปะทะ
เหตุการณ์เริ่มชุลมุนมากขึ้น เมื่อผัวหลวงของหญิงสาวทราบว่า นายก อบต. พกพาอาวุธปืนมาด้วย จึงเข้ายื้อแย่งเพื่อป้องกันเหตุร้าย และหวั่นว่าจะเกิดการใช้อาวุธปืนยิงกันกลางที่สาธารณะ ขณะที่เสียงโวยวาย การยื้อแย่ง และการทำร้ายร่างกายดำเนินไปท่ามกลางความตกใจของผู้ดูแลรีสอร์ตและลูกค้าอีกหลายราย จนต้องโทรแจ้งตำรวจเข้าระงับเหตุโดยด่วน
โชคดีที่ไม่มีการยิงกันหรือเหตุเสียชีวิตในครั้งนี้ แม้จะมีการพกพาอาวุธมาในพื้นที่ก็ตาม
ตำรวจเตรียมเรียกสอบทั้ง 4 ฝ่าย – อาจมีผลกระทบต่อหน้าที่ราชการ
ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เมืองสุรินทร์ เปิดเผยว่า จะมีการเรียกตัวทั้ง 4 ฝ่ายเข้ามาสอบปากคำเพิ่มเติมในช่วงบ่ายของวันถัดไป เพื่อดำเนินการตามกระบวนการกฎหมาย ทั้งในส่วนของการทำร้ายร่างกาย การพกพาอาวุธปืนในที่สาธารณะ และความเสียหายต่อทรัพย์สิน
นอกจากนี้ ยังมีประเด็นที่อาจส่งผลต่อ "วินัยและจริยธรรม" ของนายก อบต. คนดังกล่าว ซึ่งในฐานะข้าราชการการเมืองท้องถิ่น ถือเป็นผู้มีตำแหน่งทางสังคม หากตรวจสอบพบว่ามีพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสม หรือส่งผลต่อภาพลักษณ์ขององค์กร อาจถูกตรวจสอบเพิ่มเติมจากผู้บังคับบัญชา และกระทรวงมหาดไทยต่อไป
โลกออนไลน์สะเทือน! – เสียงชาวเน็ตลั่น “แฉหมดเปลือก”
หลังข่าวนี้ถูกเผยแพร่ออกไป ชาวโซเชียลมีเดียต่างพากันวิพากษ์วิจารณ์เหตุการณ์ดังกล่าวอย่างดุเดือด หลายคนกล่าวชื่นชมความเด็ดขาดของ “เมียหลวง-ผัวหลวง” ที่ร่วมมือกันติดตามและจับให้ได้คาหนังคาเขา บ้างก็มองว่าการใช้ความรุนแรงไม่ใช่ทางออกที่ถูกต้อง แม้จะมีความโกรธแค้นมากแค่ไหนก็ตาม
ขณะเดียวกัน หลายคนเรียกร้องให้มีการตรวจสอบบทบาทของข้าราชการท้องถิ่นคนนี้ในเชิงลึก ทั้งในเรื่องการใช้อำนาจหน้าที่ ความเหมาะสมทางจริยธรรม และผลกระทบต่อบุคลากรในหน่วยงาน โดยเฉพาะเมื่อลูกจ้างสาวผู้เกี่ยวข้องเป็นบุคลากรในสายงานเดียวกัน
คดีความรักสามเส้าที่ลงเอยด้วยการจับชู้แบบคาหนังคาเขาในครั้งนี้ อาจดูเหมือนเรื่องส่วนตัวของคนกลุ่มหนึ่ง แต่กลับสะท้อนภาพสังคมได้หลายมิติ ทั้งในเรื่องของศีลธรรม ความสัมพันธ์ในที่ทำงาน และอารมณ์ของผู้คนเมื่อเจอกับการทรยศหักหลัง การสืบสวนจะเดินหน้าอย่างไรต่อไป และนายก อบต. คนดังจะต้องเผชิญกับผลของการกระทำหรือไม่ คงต้องติดตามกันอย่างใกล้ชิดในวันข้างหน้า











