ชีวิตพลิก! แม่สิตางศ์ร่ำไห้ กลายเป็นคนไร้บ้าน ต้องพึ่งข้าววัดประทังชีวิต
“สุดทางจริง ๆ หรือเพียงแค่บทเรียนชีวิต?” เปิดชีวิตปัจจุบัน ‘แม่สิตางศ์ บัวทอง’ อดีตเน็ตไอดอลชื่อดัง ที่วันนี้ต้องพึ่งวัดเป็นบ้าน
เคยโด่งดังเป็นพลุแตกกับวลีอมตะ “ส้มหยุด!” ที่กลายเป็นไวรัลสะเทือนวงการโซเชียล แต่วันนี้ชื่อของ "แม่สิตางศ์ บัวทอง" หรือที่คนในวงการรู้จักในฐานะเน็ตไอดอลรุ่นใหญ่ กลับถูกพูดถึงอีกครั้งในบริบทที่ชวนสะเทือนใจ เมื่อมีข่าวว่าเธอกลายเป็นคนไร้บ้าน ต้องอาศัยอยู่ภายในวัดแห่งหนึ่งในจังหวัดลพบุรี พร้อมสุนัขสองตัวที่กำลังเจ็บป่วย โดยไม่มีครอบครัวหรือญาติพี่น้องคอยดูแล และไม่มีรายได้ประจำจากวงการบันเทิงอีกต่อไป
เรื่องราวนี้ถูกเปิดเผยผ่าน “หมวย โซฮอท” เพื่อนสนิทที่รู้จักกันมานาน และเคยเห็นความรุ่งโรจน์ของแม่สิตางศ์ในช่วงที่เธอมีชื่อเสียงมากที่สุด หมวยได้โพสต์ข้อความเตือนสติและเล่าเรื่องราวของแม่สิตางศ์ในตอนนี้อย่างตรงไปตรงมา โดยไม่มีเจตนาซ้ำเติม แต่ด้วยความเป็นห่วงในฐานะเพื่อนมนุษย์คนหนึ่ง
"หนูไม่ได้ออกมาซ้ำเติมแม่สิตางศ์นะคะ หนูห่วงจริง ๆ แม่ไม่เคยบอกหนูเลยว่าแม่เดือดร้อน จนเมื่อวานมีคนแท็กหนูให้ดูไลฟ์สด หนูถึงรู้ว่าแม่ไม่เหลือใครเลยจริง ๆ”
จากคำบอกเล่าของหมวย ชีวิตของแม่สิตางศ์ในปัจจุบันตกอยู่ในสภาพที่น่าเวทนาอย่างยิ่ง เธอไม่มีบ้านอยู่ ไม่มีรายได้หลัก ต้องอาศัยวัดกินข้าววัด และดูแลสุนัขที่เจ็บป่วยไปพร้อมกัน เธอแทบจะตัดขาดจากโลกภายนอก ไม่มีครอบครัว ไม่มีคนดูแล และแม้แต่คนที่เคยยกย่องเชิดชูในวันที่เธอมีชื่อเสียงก็ต่างหายหน้าไปกันหมด
จากจุดพีกสู่จุดต่ำสุด: ความจริงของ “ชื่อเสียง”
เรื่องราวของแม่สิตางศ์ไม่ได้เป็นเพียงแค่เรื่องของคนดังตกอับเท่านั้น แต่มันสะท้อนถึงความจริงของวงการบันเทิงและโซเชียลมีเดียที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว ในโลกที่ชื่อเสียงอาจเกิดขึ้นภายในไม่กี่วัน แต่ก็สามารถหายไปภายในพริบตาเช่นกัน
ในช่วงที่แม่สิตางศ์เป็นกระแส เธอมีงานโชว์ตัว งานรีวิว และถูกเชิญออกรายการวาไรตี้ต่าง ๆ อย่างต่อเนื่อง กลายเป็นหนึ่งในไอคอนของคำว่า “ไวรัล” ที่ใคร ๆ ก็อยากร่วมงานด้วย แต่เมื่อกระแสซาลง เมื่อคนหันไปสนใจสิ่งใหม่ ชีวิตของแม่สิตางศ์ก็เริ่มเปลี่ยน
"แม่พลาดตรงที่ไม่เก็บเงินค่ะ" หมวย โซฮอท พูดอย่างตรงไปตรงมา "ช่วงที่แม่ดังมาก ๆ หนูก็อยู่กับแม่ตลอด แม่พูดเสมอว่าแม่มีงานโน่นนี่ทั้งในประเทศและต่างประเทศ แต่สุดท้ายไม่รู้ว่ามีจริงหรือไม่"
หมวยยังเล่าอีกว่า ทุกวันนี้เสื้อผ้าที่แม่สิตางศ์ใส่ในโซเชียลคือของที่เธอส่งไปให้ เป็นเสื้อผ้ามือสองที่เธอไม่ได้ใส่แล้ว ไม่มีรายได้จากงานในวงการ แม่สิตางศ์ไม่กล้าขอเงิน แต่จะเล่าเสมอว่ามีงาน ซึ่งหมวยก็เลือกที่จะช่วยเหลือเท่าที่จะช่วยได้ โดยเฉพาะการช่วยค่ารักษาสุนัขที่แม่รักมาก
ไม่มีบ้าน ไม่มีครอบครัว เหลือเพียงใจที่ต้องเข้มแข็ง
จากคำบอกเล่า หมวยยังเผยว่า แม่สิตางศ์ไม่มีบ้านแล้ว เพราะหลังจากเลิกรากับสามี ครอบครัวฝั่งลูกเลี้ยงก็ไม่ได้ดูแล เธอจึงต้องพึ่งวัดเป็นที่พักพิงสุดท้าย ส่วนลูกชายซึ่งเป็นลูกเลี้ยง ก็กลับไปหาครอบครัวของตัวเอง ขณะที่พ่อแท้ ๆ ของแม่สิตางศ์ได้บวชอยู่ที่วัดอีกแห่ง แต่ก็ไม่ได้อยู่ใกล้กัน
“แม่คงไม่มีที่ไปจริง ๆ ค่ะ คงสุดทางแล้ว แม่เหลือแค่หมาที่รักสองตัว ตอนนี้หมาก็กำลังป่วย หนูเลยช่วยค่ารักษาหมาให้แม่”
คำเตือนสติจากเพื่อนแท้ “อย่ายึดติดชื่อเสียง”
สิ่งที่หมวยฝากถึงแม่สิตางศ์คือสิ่งที่สะเทือนใจและสะท้อนความจริงในชีวิตได้อย่างลึกซึ้ง
“แม่ต้องยอมรับว่าชื่อเสียงมันมีขึ้นมีลง อย่ายึดติดกับหัวโขน ชื่อเสียงมันชั่วคราว สิ่งที่ต้องรักษาตอนนี้คือสุขภาพกายและใจ”
คำพูดเหล่านี้ไม่เพียงเตือนแม่สิตางศ์เท่านั้น แต่ยังเตือนสังคมได้อย่างลึกซึ้งว่า "ชื่อเสียง" ไม่ใช่เครื่องการันตีความมั่นคงในชีวิต และไม่มีอะไรแน่นอนในโลกของความโด่งดัง
เมื่อแสงไฟดับลง... จะมีใครเหลืออยู่บ้าง?
กรณีของแม่สิตางศ์คือภาพสะท้อนของคนดังอีกหลายคนที่ชีวิตเปลี่ยนจากหน้ามือเป็นหลังมือหลังหมดกระแส หลายคนไม่สามารถปรับตัว หลายคนไม่มีการวางแผนทางการเงิน หรือพึ่งพาความรักจากแฟนคลับและโลกออนไลน์มากเกินไป
แต่เมื่อแสงไฟดับลง เสียงชื่นชมเงียบหาย ใครกันจะยังเหลืออยู่ข้าง ๆ?
แม้จะไม่ใช่ทุกคนที่ประสบชะตากรรมแบบเดียวกัน แต่เรื่องราวของแม่สิตางศ์ควรจะเป็นกรณีศึกษาที่ชัดเจนว่าความดังไม่ใช่คำตอบของชีวิตที่มั่นคง
สังคมควรมีบทบาทอย่างไร?
ในฐานะผู้เสพข่าวหรือแฟนคลับ อาจถึงเวลาที่เราควรถามตัวเองว่า เราควรสนับสนุนคนดังในช่วงที่เขาตกต่ำเช่นเดียวกับตอนที่เขาโด่งดังหรือไม่?
และในขณะเดียวกัน สังคมควรหันกลับมาใส่ใจเรื่อง “คุณภาพชีวิตหลังการเป็นคนดัง” และระบบสวัสดิการหรือกลไกช่วยเหลือผู้ที่เคยสร้างสีสันให้วงการบันเทิงอย่างจริงจังได้หรือยัง?
แม่สิตางศ์ บัวทอง อาจไม่ได้ต้องการความสงสาร แต่อยากได้ “โอกาส” ในการยืนหยัดใหม่อีกครั้ง สิ่งที่สังคมสามารถมอบให้ได้ในวันนี้ อาจไม่ใช่เพียงแค่เงินบริจาคหรือการแชร์ข่าว แต่คือ “ความเข้าใจ” และ “พื้นที่เล็ก ๆ” ที่เปิดทางให้เธอกลับมายืนได้ด้วยศักดิ์ศรีของตัวเอง ไม่ใช่ด้วยอดีตที่เคยโด่งดัง
“เทคแคร์นะคะแม่ หนูยังอยู่ตรงนี้เสมอ” – หมวย โซฮอท





















