บุกกลางห้าง! จับชาวจีนไลฟ์ขายของผิด กม. พร้อมป้ายสะดุดตา “ห้ามคนไทยเผือก”
รวบคาห้างดัง! จีนต่างด้าวแฝงตัวไลฟ์ขายของแบบลับเฉพาะ ใช้ IP ปิดกันคนไทย - สินค้าไม่ได้มาตรฐาน เงินสะพัดวันละ 30 ล้าน!
กลายเป็นประเด็นร้อนที่สังคมไทยให้ความสนใจอย่างมากในวันที่ 12 มิถุนายน 2568 เมื่อเจ้าหน้าที่ตำรวจตรวจคนเข้าเมือง (ตม.) พร้อมด้วยหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งจากกระทรวงแรงงาน และกระทรวงสาธารณสุข ได้บุกเข้าตรวจสอบร้านค้าแห่งหนึ่งภายในห้างสรรพสินค้าชื่อดัง ย่านรัชดาภิเษก หลังได้รับเรื่องร้องเรียนจากประชาชนว่า มีชาวจีนกลุ่มหนึ่งลักลอบไลฟ์สดขายสินค้าไทยผ่านแพลตฟอร์มออนไลน์เฉพาะ IP จีน ซึ่งคนไทยไม่สามารถรับชมได้ และยังมีการตั้งข้อสังเกตว่าสินค้าบางรายการไม่มีเลขจดแจ้งถูกต้องตามกฎหมาย
เบื้องหลังธุรกิจลับกลางห้างดังย่านรัชดา
ร้านค้าที่ถูกจับกุมตั้งอยู่บริเวณชั้น 2 ของห้างฯ เป็นห้องกระจกขนาดใหญ่ ภายนอกตกแต่งด้วยโปสเตอร์หลากหลายที่โฆษณาสินค้าไทย เช่น แชมพูสมุนไพร สบู่สมุนไพร และผลิตภัณฑ์อื่นๆ ที่มีฉลากเป็นภาษาไทยทั้งหมด มีการติดป้ายหน้าร้านระบุว่า “เฉพาะลูกค้า VIP เท่านั้น ขออภัยในความไม่สะดวก” ซึ่งบ่งชี้ถึงความพยายามจำกัดการเข้าถึงของบุคคลภายนอก
เมื่อเจ้าหน้าที่เข้าไปตรวจสอบภายในร้าน พบอุปกรณ์ถ่ายทอดสดครบชุด ทั้งกล้อง ไฟ และฉากสำหรับไลฟ์สดสินค้าโดยเฉพาะ มีชาวจีนและชาวไทยอยู่ในร้าน ขณะกำลังไลฟ์สดขายสินค้าอย่างคึกคัก ผ่านระบบออนไลน์ที่ส่งตรงไปยังแพลตฟอร์มในประเทศจีน โดยตั้งค่า IP จำกัดการเข้าถึง ทำให้ผู้ใช้งานในประเทศไทยไม่สามารถรับชมไลฟ์สดนั้นได้แม้แต่คนเดียว
แฝงตัวเป็นนักท่องเที่ยว แต่ทำงานผิดกฎหมาย
จากการสอบถามและตรวจสอบเบื้องต้น เจ้าหน้าที่พบว่าชาวจีนที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับกิจกรรมดังกล่าวส่วนใหญ่เดินทางเข้ามาในประเทศไทยด้วยวีซ่าท่องเที่ยว ไม่ได้รับอนุญาตให้ประกอบอาชีพในประเทศ โดยใช้ช่องโหว่ทางกฎหมายและเทคโนโลยีเพื่อดำเนินธุรกิจในลักษณะ “เงียบแต่เงินไหลมา”
ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้ควบคุมตัวผู้ที่เกี่ยวข้องทั้งหมดไปสอบสวนเพิ่มเติม และแจ้งข้อหาเบื้องต้นกับชาวจีนกลุ่มดังกล่าวในข้อหา "เป็นบุคคลต่างด้าวทำงานโดยไม่ได้รับอนุญาต" ขณะที่เจ้าของร้าน (ซึ่งเป็นชาวไทย) ก็ถูกแจ้งข้อหา “เป็นนายจ้างรับคนต่างด้าวเข้าทำงานโดยไม่ได้รับอนุญาต” ส่งดำเนินคดีต่อที่ สน.ห้วยขวาง ตามขั้นตอนกฎหมาย
ยอดขายทะลุหลักสิบล้าน/วัน! สินค้าส่อผิดกฎหมาย
พ.ต.ท.สุริยะ พ่วงสมบัติ รอง ผกก.สืบสวน บก.ตม.1 เปิดเผยเพิ่มเติมว่า หน่วยงานได้รับเรื่องร้องเรียนมาจากประชาชนในพื้นที่ว่าร้านค้าดังกล่าวมีพฤติกรรมต้องสงสัย ทั้งการตั้งหน้าร้านอย่างลับเฉพาะ และการไลฟ์ขายสินค้าแบบ “เฉพาะกลุ่ม” โดยพบว่ามีการดึงอินฟลูเอนเซอร์จากจีนมาเป็นผู้ดำเนินรายการ และโปรโมตสินค้าต่างๆ ให้ดูน่าเชื่อถือ เป็น “สินค้าไทยแท้” เพื่อเจาะตลาดจีนโดยตรง
ข้อมูลจากการตรวจสอบเบื้องต้นพบว่า มีเงินหมุนเวียนจากการขายสินค้าออนไลน์สูงถึง 30 ล้านบาทต่อวัน ซึ่งเป็นตัวเลขที่สูงอย่างน่าตกใจในธุรกิจที่อาศัยพื้นที่เพียงไม่กี่ตารางเมตรในห้าง แต่สามารถปั้นยอดขายระดับหลักสิบล้านบาทต่อวันผ่านแพลตฟอร์มออนไลน์
อย่างไรก็ตาม เมื่อกระทรวงสาธารณสุขเข้าตรวจสอบสินค้าภายในร้านก็พบความผิดปกติหลายจุด โดยเฉพาะสินค้าเกี่ยวกับความงามและสมุนไพร ที่ไม่มีเลขจดแจ้งอย่างถูกต้อง หรือมีเลขที่ไม่ตรงกับรายละเอียดของผลิตภัณฑ์ตามที่แจ้งไว้ในระบบ อย. ซึ่งหากการตรวจสอบเชิงลึกยืนยันว่ามีการจำหน่ายสินค้าไม่ได้มาตรฐานจริง ก็อาจมีการดำเนินคดีเพิ่มเติมในข้อหาเกี่ยวกับ พ.ร.บ. เครื่องสำอางและผลิตภัณฑ์สุขภาพ
เปิดช่องโหว่ของระบบตรวจสอบ?
เหตุการณ์ครั้งนี้สะท้อนถึงช่องโหว่หลายประการ ทั้งในเรื่องของการใช้วีซ่าท่องเที่ยวเข้ามาประกอบอาชีพ การนำระบบเทคโนโลยีมาช่วยปิดกั้นไม่ให้ภาครัฐหรือผู้บริโภคในไทยตรวจสอบสินค้า และการละเมิดกฎหมายแรงงานและสุขภาพอย่างชัดเจน
อีกประเด็นที่น่าจับตามองคือ การใช้ IP ของจีนในการไลฟ์สดขายของ ทำให้หลีกเลี่ยงการกำกับดูแลของภาครัฐไทย และลดความเสี่ยงในการถูกร้องเรียนหรือจับกุม ขณะเดียวกันก็สามารถเข้าถึงตลาดขนาดใหญ่ของประเทศจีนได้แบบตรงจุด โดยไม่ต้องผ่านตัวกลาง
หน่วยงานที่เกี่ยวข้องต้องเร่งปิดช่องโหว่
หลังจากการจับกุมในครั้งนี้ สังคมต่างคาดหวังว่า หน่วยงานที่เกี่ยวข้องควรมีมาตรการป้องกันเชิงรุก ไม่ว่าจะเป็นการเฝ้าระวังกิจกรรมที่ผิดปกติในห้างสรรพสินค้าหรือสถานที่ท่องเที่ยว การตรวจสอบใบอนุญาตทำงานของชาวต่างชาติอย่างเข้มงวด รวมถึงการประสานความร่วมมือกับแพลตฟอร์มออนไลน์ต่างประเทศเพื่อป้องกันการลักลอบขายสินค้าที่ไม่ได้มาตรฐาน
นอกจากนี้ยังควรผลักดันให้มีการตรวจสอบธุรกิจออนไลน์ข้ามชาติอย่างจริงจัง เพราะธุรกิจเหล่านี้อาจส่งผลกระทบต่อภาพลักษณ์สินค้าไทย ความปลอดภัยของผู้บริโภค และระบบเศรษฐกิจโดยรวมในระยะยาว
สรุปเหตุการณ์
ตำรวจ ตม. บุกตรวจสอบร้านไลฟ์สดสินค้าภายในห้างดังย่านรัชดา
พบชาวจีนใช้วีซ่าท่องเที่ยวแฝงตัวมาทำงานผิดกฎหมาย
ไลฟ์สดขายสินค้าเฉพาะผู้ชมในจีน คนไทยไม่สามารถเข้าถึงได้
สินค้าบางรายการไม่มีเลขจดแจ้ง หรือเลขไม่ตรงกับผลิตภัณฑ์
เงินหมุนเวียนสูงถึง 30 ล้านบาท/วัน
แจ้งข้อหาทั้งชาวจีนและเจ้าของร้านไทย ส่งดำเนินคดีตามกฎหมาย
เหตุการณ์นี้เป็นตัวอย่างของการบูรณาการของหน่วยงานรัฐในการป้องกันและปราบปรามการกระทำผิดที่อาจส่งผลเสียต่อประเทศได้อย่างเป็นรูปธรรม แต่ขณะเดียวกันก็เป็นสัญญาณเตือนให้ทุกฝ่ายกลับมาทบทวนระบบคัดกรองและติดตามแรงงานต่างด้าวให้เข้มงวดมากยิ่งขึ้นในยุคที่การค้าขายสามารถเกิดขึ้นได้ทุกที่ผ่านหน้าจอเพียงไม่กี่นิ้ว
หากปล่อยให้ธุรกิจในลักษณะนี้เติบโตโดยไม่ถูกตรวจสอบ อาจส่งผลกระทบต่อผู้ประกอบการไทยแท้ๆ ที่ปฏิบัติตามกฎหมายอย่างถูกต้องในระยะยาว
ราชกิจจาฯ เผยแพร่ คำสั่งศาลให้ นักแสดงรุ่นใหญ่ “มยุรฉัตร เหมือนประสิทธิเวช” ผู้จัดดัง เป็นคนไร้ความสามารถ
ไทยจะสงบเมื่อไหร่ หมด"ฮุน เซน" ก็ยังมี "สม รังสี"
เสร็จสมบูรณ์แล้วญาญ่า บ้านเขาใหญ่ อลังการสวยงามตามากๆ
วิธีสังเกตภาพ AI ที่บางคนยังไม่รู้
"หมอสุภัทร" เผย "Rain Bomb" เขาคอหงส์ คือจุดเริ่มต้นของน้ำท่วมหาดใหญ่
ดูดวงเดือนธันวาคม ปี2568 ครบทั้ง 12 ราศี
ช็อควงการบันเทิง คู่รักต่างวัย ดีเจเพชรจ้า กับแฟนสาวรุ่นน้อง น้องเนปจูน เลือกเติบโตคนละเส้นทางเหลือไว้เพียงความทรงจำดีๆ
กัมพูชาเฮ! อ้าง พบแผนที่โบราณ 100 ปี ชี้หลายพื้นที่ชายแดนอาจอยู่ฝั่งกัมพูชา
รีวิว The Conjuring Last Rites เดอะคอนเจอริ่ง คนเรียกผี พิธีกรรมครั้งสุดท้าย
ส่อแววแตกหัก นานา เอาคืนอันฟอลพอลล่า เทอเลอร์ จับตาอันฟอล มีเพื่อนในแก๊ง เพิ่มหรือไม่
"นานา " ประกาศขายบ้านหรู 69 ล้านบาท กลางไอจี หลายฝ่ายมองว่ากำลังเตรียมเคลียร์ปัญหา หนี้สิน สินที่ติดค้างเพื่อน
ญี่ปุ่นเริ่มหนักใจแรงงานกัมพูชา หลังเกิดคดีขโมยโลหะครั้งใหญ่ – เสียงต้านแรงงานต่างด้าวเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง
ทหารเขมรสุดกร่างคนไทยสุดเดือดหลัง ทหารเขมรยึดลวดหนามไทยโจ่งแจ้งแถมโพสต์ เย้ยหยัน ในโซเชียล
ดูดวงเดือนธันวาคม ปี2568 ครบทั้ง 12 ราศี










