เรียกวิวพิลึก! หนุ่มญี่ปุ่นไลฟ์สดใส่กกน.ครอบหน้า สุดท้ายโดนรวบทันควัน
"ช็อคคุงช็อคคุง" สตรีมเมอร์ญี่ปุ่นวัย 51 ไลฟ์สดสุดพิเรนทร์ ใส่กางเกงในครอบหน้าเดิน-วิ่งในที่สาธารณะ สุดท้ายไม่รอด โดนจับกลางไลฟ์
ในยุคที่โซเชียลมีเดียและแพลตฟอร์มไลฟ์สตรีมกำลังเป็นที่นิยม สร้างโอกาสให้กับผู้คนทั่วโลกในการนำเสนอคอนเทนต์ในแบบที่ตนเองต้องการ ไม่ว่าจะเป็นการเล่นเกม แสดงความสามารถ พูดคุยตอบคำถามแฟนคลับ หรือแม้กระทั่งโชว์ไลฟ์สไตล์ในชีวิตประจำวัน แต่ในขณะเดียวกัน ความนิยมและการแข่งขันที่รุนแรง ก็ทำให้บางคนยอมทำสิ่งที่ "หลุดกรอบ" เพียงเพื่อเรียกยอดวิว จนกลายเป็นเหตุการณ์ที่ทั้งโลกออนไลน์ต้องตกตะลึง
ล่าสุด สื่อชื่อดังของญี่ปุ่นอย่าง Tokyo Weekender ได้รายงานข่าวที่สร้างเสียงวิพากษ์วิจารณ์ไปทั่วประเทศ เมื่อเจ้าหน้าที่ตำรวจในจังหวัดชิบะ ประเทศญี่ปุ่น เข้าจับกุม "ช็อคคุงช็อคคุง" (Zokkunzokkun) หรือชื่อจริงว่า ฮิโรยูกิ ทาเทะไน ชายวัย 51 ปี ซึ่งมีอาชีพเป็นสตรีมเมอร์ หลังเขาก่อเหตุสุดพิเรนทร์ ไลฟ์สดตนเองเดิน-วิ่งในพื้นที่สาธารณะ โดยที่ใบหน้าถูกปิดด้วย "กางเกงใน" ซึ่งเป็นการกระทำที่ไม่เพียงผิดกฎหมาย แต่ยังสร้างความแตกตื่นตกใจให้กับผู้คนจำนวนมากที่พบเห็น
ไลฟ์สดแบบไม่แคร์สื่อ เพื่อ “ยอดวิว” ที่เหนือทุกจรรยาบรรณ
เหตุการณ์เกิดขึ้นเมื่อช่วงเวลาประมาณ 15.15 น. ของวันที่ 19 พฤษภาคมที่ผ่านมา ตามเวลาท้องถิ่น โดยนายฮิโรยูกิ ได้เริ่มทำการไลฟ์สดผ่านช่องทางออนไลน์ที่เขาใช้อยู่เป็นประจำ ซึ่งในคลิปวิดีโอจะเห็นได้ชัดว่า เขาอยู่ในสภาพที่ไม่น่าดูเอาเสียเลย ใบหน้าถูกปิดไว้ด้วยกางเกงในสีขาว ขณะเดียวกันก็สวมชุดพละลักษณะคล้ายกับเครื่องแบบนักเรียน และออกเดิน หรือวิ่งไปตามถนนในพื้นที่ของจังหวัดชิบะ
ผู้ชมที่เข้ามาดูไลฟ์ต่างตกใจและสับสนกับพฤติกรรมของชายคนนี้ บางรายอาจมองว่าเป็นเรื่องตลก แต่มีผู้ชมจำนวนไม่น้อยที่รู้สึกไม่ปลอดภัย และหวาดกลัว เนื่องจากพฤติกรรมดังกล่าวเป็นการละเมิดความสงบเรียบร้อยของสังคมอย่างชัดเจน
หลายคนที่ดูคลิปสามารถระบุพิกัดของนายฮิโรยูกิได้ จึงได้รีบแจ้งความต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจ พร้อมแนบคลิปและพิกัดประกอบ จนนำไปสู่การเข้าจับกุมแบบทันควัน โดยเจ้าหน้าที่สามารถเข้าควบคุมตัวเขาได้ในขณะที่ยังคงไลฟ์สดอยู่ ซึ่งเหตุการณ์นี้ทำให้คลิปดังกล่าวกลายเป็นที่พูดถึงในวงกว้างทันที
คำสารภาพตรงไปตรงมา: “ผมแค่อยากได้ยอดวิว”
ภายหลังจากถูกควบคุมตัวไปสอบสวน นายฮิโรยูกิ ทาเทะไน ได้สารภาพต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจว่า การกระทำทั้งหมดของเขานั้นทำไปเพียงเพื่อเพิ่มยอดผู้ชมในไลฟ์สด และสร้างกระแสให้กับช่องของเขาเท่านั้น
“ผมรู้ว่ามันผิด แต่ผมแค่คิดว่ามันจะตลก และจะมีคนดูมากขึ้น” – ฮิโรยูกิ กล่าวในการให้ปากคำ
แม้จะมีความตั้งใจในเชิงบันเทิง แต่พฤติกรรมเช่นนี้ถือว่าเป็นการละเมิดกฎหมายอย่างร้ายแรง โดยเฉพาะกฎหมายป้องกันภัยส่วนบุคคลของจังหวัด ซึ่งมีไว้เพื่อรักษาความสงบเรียบร้อยและความรู้สึกปลอดภัยของประชาชนในพื้นที่สาธารณะ
กฎหมายที่เกี่ยวข้อง และบทลงโทษที่อาจรุนแรงกว่าที่คิด
เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ตั้งข้อหาเบื้องต้นว่า นายฮิโรยูกิได้ละเมิดกฎหมายป้องกันภัยส่วนบุคคลของจังหวัดชิบะ ซึ่งเป็นกฎหมายท้องถิ่นที่มีบทลงโทษชัดเจนในเรื่องของการกระทำอนาจารในที่สาธารณะ รวมไปถึงการกระทำที่ทำให้ประชาชนรู้สึกตกใจ หวาดกลัว หรือรู้สึกไม่ปลอดภัย
แม้ว่าเขาจะอ้างว่าการกระทำนั้นเป็นเพียง “การแสดง” เพื่อความบันเทิง แต่ในทางกฎหมาย การกระทำที่มีลักษณะเป็นการเปิดเผยเรือนร่างหรือใช้ของส่วนตัว เช่น กางเกงใน มาปิดหน้า แล้ววิ่งในที่สาธารณะ ย่อมไม่สามารถหลีกเลี่ยงความผิดได้
มีความเป็นไปได้ว่า หากศาลพิจารณาแล้วว่าเจตนาของเขาเข้าข่ายอนาจารหรือกระทบต่อความสงบเรียบร้อยของสังคม อาจมีโทษทั้งจำคุก ปรับ หรือแม้แต่สั่งห้ามใช้งานแพลตฟอร์มไลฟ์สตรีมใดๆ เป็นระยะเวลาหนึ่ง
เมื่อชื่อเสียงที่ได้มาอย่างผิดวิธี กลายเป็นบูมเมอแรงสะท้อนกลับ
เหตุการณ์ของ “ช็อคคุงช็อคคุง” ไม่ใช่เพียงแค่คดีความธรรมดา แต่มันสะท้อนปัญหาสำคัญในยุคของ “คอนเทนต์ล่าไลก์” ที่หลายคนเริ่มยอมแลกศักดิ์ศรี ความปลอดภัย หรือแม้แต่ความถูกต้องทางกฎหมาย เพียงเพื่อให้มีคนดูมากขึ้น ยอดฟอลโลว์มากขึ้น หรือหวังว่าจะกลายเป็นไวรัลในโลกออนไลน์
ในอดีต เราอาจเคยเห็นหลายกรณีคล้ายคลึงกัน เช่น การแกล้งทำเรื่องรุนแรง ไลฟ์ขณะขับรถเร็วเกินกำหนด หรือแม้แต่สร้างสถานการณ์ปลอมขึ้นมาเพื่อให้คนเข้ามาดู โดยที่ลืมไปว่าผู้ชมในยุคนี้ไม่ได้สนใจแค่ความตลก แต่พวกเขาให้คุณค่ากับความจริง ความเคารพต่อกฎหมาย และความรับผิดชอบต่อสังคมมากขึ้น
กรณีของนายฮิโรยูกิ จึงเป็นบทเรียนที่สำคัญที่ควรถูกหยิบยกมาพูดถึง ไม่ใช่เพียงเพราะมันตลกหรือชวนสยอง แต่เพราะมันสะท้อนพฤติกรรมที่อันตรายซึ่งอาจเกิดขึ้นกับคนอื่นอีกหลายรายหากไม่มีการจัดการที่จริงจัง
เสียงจากโซเชียล: ตลกหรือทุเรศ?
หลังจากคลิปเหตุการณ์ถูกเผยแพร่ออกไป มีเสียงตอบรับมากมายจากผู้ใช้โซเชียลมีเดียในญี่ปุ่นและต่างประเทศ หลายคนรู้สึกตกใจที่ชายวัย 51 ปี ยังเลือกจะทำพฤติกรรมเช่นนี้เพียงเพื่อหวังยอดวิว ขณะที่บางกลุ่มกลับมองว่า มันเป็นเรื่องขำขัน หรือเป็นการเสียดสีสังคม
“มันตลกก็จริง แต่ลองคิดดูว่าถ้ามีเด็กเดินผ่าน แล้วเจอภาพแบบนี้ จะรู้สึกยังไง?” – ผู้ใช้ X รายหนึ่งแสดงความคิดเห็น
“แบบนี้ไม่ใช่คอนเทนต์นะ มันคือความบ้า ที่เอาสังคมมาเสี่ยงเพื่อยอดวิว” – คอมเมนต์จาก TikTok ญี่ปุ่น
สรุป: ไลฟ์สดผิดทาง สู่บทเรียนราคาแพง
กรณีของ "ช็อคคุงช็อคคุง" หรือฮิโรยูกิ ทาเทะไน เป็นตัวอย่างของการใช้โซเชียลมีเดียอย่างขาดความรับผิดชอบ ซึ่งส่งผลกระทบไม่เพียงแต่ต่อตัวเขาเองเท่านั้น แต่ยังส่งผลต่อผู้คนรอบข้าง รวมไปถึงชื่อเสียงของสตรีมเมอร์คนอื่นๆ ที่ตั้งใจสร้างคอนเทนต์ดีๆ
ในยุคที่การเป็น “ไวรัล” กลายเป็นความใฝ่ฝันของใครหลายคน การรู้เท่าทันขอบเขตของความเหมาะสม และการเคารพต่อสังคม ยังคงเป็นสิ่งที่ควรยึดถือมากกว่า “ยอดวิว” ที่อาจพุ่งขึ้นเพียงชั่วข้ามคืน แต่แลกมาด้วยชื่อเสียงที่เสียหายไปตลอดชีวิต















