แซ่บสะเทือนสุขุมวิท! สาวสองไทยรวมตัวแจกยำขาไก่กระเทยปินส์
ดราม่าร้อน “ซอยสุขุมวิท 11” สาวสองไทย-ฟิลิปปินส์ปะทะเดือด ปมยืนผิดที่ แจก “ยำขาไก่” สะเทือนโซเชียล
กลายเป็นกระแสร้อนแรงในโลกโซเชียลทันทีที่เพจดัง “เจ๊ม้อย v+” ออกมาโพสต์ภาพและคลิปวิดีโอเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกลางซอยสุขุมวิท 11 ใจกลางกรุงเทพฯ ย่านที่คึกคักไปด้วยนักท่องเที่ยวและชาวต่างชาติ ซึ่งครั้งนี้ไม่ได้เกี่ยวข้องกับเรื่องท่องเที่ยวหรือการค้าขาย แต่เป็น “เหตุปะทะทางอารมณ์” ระหว่างกลุ่มสาวประเภทสองชาวไทย และกลุ่มสาวประเภทสองชาวฟิลิปปินส์ ซึ่งนำไปสู่การพูดถึงกันอย่างกว้างขวางในโลกออนไลน์ โดยเฉพาะในกลุ่ม LGBTQ+ และคนที่ทำงานกลางคืน
จุดเริ่มต้นของดราม่า: แค่ “ยืนผิดที่” หรือมีเรื่องมากกว่านั้น?
เรื่องราวทั้งหมดเริ่มต้นขึ้นในค่ำคืนหนึ่งของเดือนมิถุนายน 2567 เมื่อสาวประเภทสองชาวไทยรายหนึ่ง ได้เดินทางเข้าไปในซอยสุขุมวิท 11 เพื่อไปหาแฟนหนุ่มตามปกติ ทว่าเหตุการณ์กลับไม่เป็นไปอย่างที่คิด เมื่อเธอกลับถูกสาวประเภทสองชาวฟิลิปปินส์ประมาณ 4 คนเข้ามาแสดงท่าทีไม่พอใจ และกล่าวถ้อยคำในเชิงต่อว่า พร้อมกับไล่เธอให้ไปยืนที่อื่น โดยถามว่า “มายืนตรงนี้ทำไม” ทั้งที่จุดนั้นเป็นพื้นที่สาธารณะ
ผู้เสียหายรายนี้เล่าว่าตนเองรู้สึกตกใจและงุนงงกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เพราะเธอคิดว่าในฐานะคนไทยที่อยู่ในประเทศไทย เธอควรจะสามารถยืนที่ไหนก็ได้อย่างเสรีโดยไม่ต้องถูกใครมาไล่ แม้ว่าฝ่ายตรงข้ามจะเป็นกลุ่มสาวสองจากฟิลิปปินส์ แต่เธอไม่คิดว่าเรื่องจะลุกลามถึงขั้นมีการข่มขู่และแสดงอาการคุกคามแบบนี้
เนื่องจากรูปร่างของเธอค่อนข้างเล็กและไม่มีแรงที่จะต่อสู้กับคู่กรณีที่ดูใหญ่กว่าและมาเป็นกลุ่ม เธอจึงตัดสินใจถอยออกมาก่อนและไปขอความช่วยเหลือจากกลุ่มเพื่อนสาวสองไทยด้วยกัน เพื่อขอคำปรึกษาและหาแนวทางในการตอบโต้แบบสันติ
การรวมตัวของสาวสองไทย: “ยำขาไก่” กลายเป็นสัญลักษณ์ของความอดทน?
หลังจากเกิดเหตุการณ์ดังกล่าว เพื่อนๆ ของสาวสองไทยคนนี้จึงรวมตัวกันอีกครั้งในคืนถัดมา บริเวณจุดเดิมที่เกิดเหตุ พร้อมกับนำ “ยำขาไก่” มาแจกจ่ายให้กับกลุ่มสาวสองชาวฟิลิปปินส์ด้วยท่าทีที่ดูเหมือนเป็นมิตร แต่แฝงไปด้วยการแสดงออกถึงความไม่พอใจในพฤติกรรมที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้
การแจกยำขาไก่ครั้งนี้ถูกถ่ายภาพและวิดีโอโดยผู้ที่อยู่ในเหตุการณ์ และถูกนำมาโพสต์ผ่านเพจ “เจ๊ม้อย v+” ซึ่งเป็นเพจที่มีผู้ติดตามจำนวนมาก โดยระบุข้อความว่า “ไม่ว่าเรื่องราวจะเป็นอย่างไร ทางเราไม่สนับสนุนการใช้ความรุนแรงในการแก้ปัญหา”
ภาพที่ถูกเผยแพร่ออกมาสร้างความแตกตื่นในกลุ่มผู้ติดตามเป็นอย่างมาก หลายคนเข้ามาแสดงความคิดเห็นทั้งเห็นใจสาวสองไทยที่ต้องเผชิญกับพฤติกรรมไม่เหมาะสมจากชาวต่างชาติ และอีกจำนวนไม่น้อยก็วิพากษ์วิจารณ์การกระทำของทั้งสองฝ่ายว่าอาจจะเป็นการยั่วยุและสร้างความขัดแย้งมากขึ้น
โลกโซเชียลเสียงแตก: ใครผิด ใครถูก?
เมื่อเรื่องราวถูกเผยแพร่ในวงกว้าง โลกโซเชียลต่างถกเถียงกันถึงประเด็น “สิทธิในการใช้พื้นที่สาธารณะ” ว่าทุกคน ไม่ว่าจะเป็นชาวไทยหรือชาวต่างชาติ ย่อมมีสิทธิเท่าเทียมกันในการเดินและยืนอยู่ในพื้นที่สาธารณะโดยไม่ควรถูกเลือกปฏิบัติบนพื้นฐานของเชื้อชาติหรือรูปลักษณ์
แต่ในขณะเดียวกัน ก็มีบางฝ่ายออกมาบอกว่า เหตุการณ์ในซอยสุขุมวิท 11 นั้นไม่ใช่เรื่องใหม่ เพราะมีข่าวลือมาอย่างต่อเนื่องเกี่ยวกับการจับจองพื้นที่ของกลุ่มสาวสองต่างชาติ โดยเฉพาะจากประเทศฟิลิปปินส์ ที่มักเข้ามาทำงานและรวมตัวในพื้นที่ดังกล่าวอย่างต่อเนื่อง ซึ่งนำไปสู่ความตึงเครียดกับกลุ่มสาวสองไทยที่ทำงานอยู่มาก่อนหน้านี้
“ถ้ามาก่อนก็ต้องได้สิทธิ์ก่อน” เป็นหนึ่งในคอมเมนต์ที่เกิดขึ้น ซึ่งสะท้อนถึงความไม่พอใจที่สะสมมานานและยังไม่ได้รับการแก้ไขจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
ประเด็นใหญ่กว่าที่เห็น: การจัดการพื้นที่-การอยู่ร่วมกันของความหลากหลาย
เหตุการณ์ที่ซอยสุขุมวิท 11 นี้อาจดูเหมือนเป็นเพียงความขัดแย้งเล็กๆ ระหว่างกลุ่มบุคคล แต่แท้จริงแล้วสะท้อนถึงปัญหาเชิงโครงสร้างที่ซ่อนอยู่ในสังคมไทย นั่นคือเรื่องของ “การอยู่ร่วมกันของความหลากหลาย” ไม่ว่าจะเป็นเชื้อชาติ ภาษา วัฒนธรรม หรือแม้แต่ประสบการณ์ชีวิตที่แตกต่างกัน
ย่านสุขุมวิท 11 เป็นศูนย์กลางของความหลากหลายทั้งในเชิงวัฒนธรรมและเพศสภาพ แต่การที่ไม่มีระบบหรือมาตรการในการจัดการพื้นที่สาธารณะให้เหมาะสม ก็อาจนำไปสู่ความขัดแย้งที่ยากต่อการควบคุม
หลายคนมองว่า ถึงเวลาที่หน่วยงานภาครัฐ โดยเฉพาะกรุงเทพมหานครและตำรวจท่องเที่ยว จะต้องลงมาจัดระเบียบพื้นที่ดังกล่าวให้มีความเหมาะสม เพื่อไม่ให้เกิดเหตุการณ์ซ้ำซากหรือรุนแรงขึ้นในอนาคต
ไม่ใช่แค่ “ยำขาไก่” แต่เป็นสัญญาณของความไม่เท่าเทียม?
ในท้ายที่สุด เหตุการณ์ในซอยสุขุมวิท 11 ที่ดูเหมือนเป็นเพียงการแจก “ยำขาไก่” อาจกลายเป็นจุดเริ่มต้นของบทสนทนาในสังคมเกี่ยวกับสิทธิ ความเท่าเทียม และการอยู่ร่วมกันอย่างสันติในเมืองหลวงของประเทศไทย
เราอาจต้องกลับมาตั้งคำถามใหม่ว่า สังคมไทยพร้อมแล้วหรือยังสำหรับการอยู่ร่วมกับความหลากหลาย? และเราจะจัดการความขัดแย้งเหล่านี้อย่างไร โดยไม่ต้องใช้กำลังหรือการยั่วยุ?
สุดท้าย ไม่ว่าเราจะอยู่ในฐานะใด สัญชาติใด หรือเพศสภาพใด สิ่งสำคัญที่สุดคือการเคารพซึ่งกันและกัน และหาทางออกอย่างสันติ แม้ในพื้นที่ที่คึกคักและเต็มไปด้วยการแข่งขันอย่างซอยสุขุมวิท 11 ก็ตาม
เจาะสเปก กริเพน ทําไมกองทัพไทยถึงเลือกใช้
เปิดอายุแท้จริงของ น้องจินนี่ ลูกสาว คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ ทำให้หลายคนเข้าใจผิด
เปิด 2 ข้อหาหนัก "ป้าแอน" แม่บ้านทคดีผสมเดทตอลในขวดนมเด็ก พบประวัติอาชญากรรมเมื่อปี 67
บทเรียนราคาแพง 111 ล้าน เมื่อความเชื่อใจกลายเป็นช่องโหว่ให้คนสนิทฉกฉวย
นรกแตกก่อนวันเซ็นสัญญา F16 ไทยบึ้มสะพาน คืนหมาหอน "ฮุนเซน" อกแตก แพ้หมดรูป จำยอมเซ็นสงบศึก
10 วาทะเด็ดแห่งปี 2568 ที่คนไทยลืมไม่ลง
เขมรขอถก JBC ด่วน ยันไม่รับเส้นเขตแดน จากการใช้กำลังของไทย
"มัดหมี่ พิมดาว" แฉกลลวงสูญเงิน 8 ล้านบาท จากแรงศรัทธา
แม่บ้านเดทตอลมหาภัยถูกจับกลางรายการ ยืนยันไม่ได้ตั้งใจวางยาเด็ก เข้าใจผิดคิดว่าเป็นนม พร้อมขอโทษผู้เสียหาย
เมื่อจีนอยากทำหนัง The Shallows เป็นของตัวเอง จะเป็นยังไง
เบสท์ คำสิงห์ เปิดใจข่าวซุบซิบกับ บิ๊ก ผญบ.ฟินแลนด์
จารกรรมพันธุ์พืชเปลี่ยนโลก ปฏิบัติการขโมย "ชา" จากแผ่นดินมังกรสู่อินเดีย
นรกแตกก่อนวันเซ็นสัญญา F16 ไทยบึ้มสะพาน คืนหมาหอน "ฮุนเซน" อกแตก แพ้หมดรูป จำยอมเซ็นสงบศึก
Luxuriate อนุญาตให้ตัวเองมีความสุขแบบไม่ต้องรู้สึกผิด
ความหวังใหม่ ผู้ป่วยโรคหัวใจ ชายออสเตรเลียคนแรกของโลกที่ใช้หัวใจเทียมทั้งหมด
เมื่อจีนอยากทำหนัง The Shallows เป็นของตัวเอง จะเป็นยังไง
พบการแฮก Gemini ด้วย GeminiJack ช่วยให้แฮกเกอร์เข้าถึงข้อมูลบน Gmail และ Docs ได้
ผู้สร้าง Linux บอก หน้าจอ BSOD เกิดจากฮาร์ดแวร์ ไม่ใช่ความผิดของ Windows
รังสิมันต์ โรม รองหัวหน้าพรรคประชาชน ลงพื้นที่ อ.เชียรใหญ่ รับฟังปัญหา พร้อม " ทนายชาย " ผู้สมัคร สส เขต 3 เบอร์ 6
เปิด 2 ข้อหาหนัก "ป้าแอน" แม่บ้านทคดีผสมเดทตอลในขวดนมเด็ก พบประวัติอาชญากรรมเมื่อปี 67
