ท้าทายอำนาจ! เปิดโฉมยุวชนกัมพูชาสากล ลั่นคำรบใส่ฮุนเซน–ฮุน มาแนต
“ฮุน เซน” ปะทะกลุ่มฝ่ายค้าน! ปมแอบอ้างเป็นทหารแนวหน้า โจมตีผู้นำกัมพูชาผ่านโซเชียล – ปมร้อนการเมืองข้ามพรมแดน
สถานการณ์การเมืองกัมพูชายังคงร้อนแรงไม่หยุด หลังจาก ฮุน เซน อดีตนายกรัฐมนตรีกัมพูชา ซึ่งปัจจุบันดำรงตำแหน่งประธานวุฒิสภา ได้ออกมาเคลื่อนไหวอย่างรุนแรงต่อกรณีของกลุ่มนักเคลื่อนไหวฝ่ายค้านที่พำนักอยู่ในประเทศไทย โดยระบุว่ากลุ่มเหล่านี้แอบอ้างตัวเป็น “ทหารแนวหน้า” และได้เผยแพร่คลิปวิดีโอลักษณะล้อเลียน บั่นทอนขวัญกำลังใจของกองทัพกัมพูชา พร้อมกับใช้ถ้อยคำโจมตีผู้นำกัมพูชาอย่างรุนแรง
เหตุการณ์ครั้งนี้เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 10 มิถุนายน 2568 โดยก่อนหน้าที่ฮุน เซน จะประกาศปิดกั้น IP Address จากประเทศไทย เขาได้แชร์ประกาศจาก สำนักงานบัญชาการตำรวจนครบาลราชธานีพนมเปญ พร้อมรูปภาพของบุคคลหนึ่งที่เกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ดังกล่าว พร้อมโพสต์ข้อความที่สร้างแรงสั่นสะเทือนในวงการเมืองกัมพูชาและอาจลุกลามกลายเป็นประเด็นทางการทูตระหว่างประเทศในอนาคต
ข้อกล่าวหาหนัก: “ทรยศชาติ” ทั้งพ่อและลูก
ฮุน เซน ระบุว่า การกระทำของกลุ่มฝ่ายค้านดังกล่าวถือเป็น การทรยศต่อชาติ โดยไม่ลังเลที่จะกล่าวหาว่า ทั้งตัวพ่อและลูกในครอบครัวนี้สมรู้ร่วมคิดกับ “ชาวต่างชาติ” เพื่อทำลายเสถียรภาพของกัมพูชา
“ประเทศของเรากำลังเผชิญกับการรุกรานจากภายนอก แต่กลับมีบางคนสมคบคิดกับต่างชาติในการโจมตีบ้านเกิดเมืองนอนของตนเอง... หากทางการไทยไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้อง พวกเขาควรกล้าหาญพอที่จะจับกุมบุคคลนี้และส่งตัวให้กับรัฐบาลกัมพูชาดำเนินคดีตามกฎหมาย”
คำพูดนี้ไม่เพียงแค่สร้างแรงกระเพื่อมในวงการเมืองเท่านั้น แต่ยังสื่อถึงความไม่พอใจที่มีต่อบทบาทของประเทศไทยในฐานะประเทศที่นักเคลื่อนไหวฝ่ายค้านหลบซ่อนอยู่
เปิดโปงผู้กระทำ: “เอม พิสิทธิ” นักเคลื่อนไหวที่กลายเป็นเป้าหมาย
จากผลการสอบสวนของเจ้าหน้าที่ระดับสูงในกัมพูชา พบว่าชายที่ปรากฏในวิดีโอ ซึ่งสวมชุดเครื่องแบบทหารและถือปืนฉีดน้ำโพสต์บน TikTok และ Facebook คือบุคคลชื่อว่า เอม พิสิทธิ (ไมษถิสิทธ์)
ชายคนนี้เกิดเมื่อวันที่ 14 กุมภาพันธ์ 2531 เคยอาศัยอยู่ในจังหวัดพระวิหาร และต่อมาได้ย้ายไปอยู่ในจังหวัดกำปงจาม ก่อนที่จะเข้ามาพำนักในประเทศไทย โดยระบุพื้นที่ว่า “เขตขันทากบุรี” ซึ่งจนถึงขณะนี้ยังไม่มีข้อมูลที่ชัดเจนว่าหมายถึงพื้นที่ใดในกรุงเทพมหานคร หรือในประเทศไทย
เขาใช้นามแฝงในบัญชี TikTok ว่า “Amy Richard310” และบัญชี Facebook ชื่อ “Piseth PG EM” ซึ่งถูกใช้เผยแพร่วิดีโอที่โจมตีกองทัพและผู้นำกัมพูชาอย่างตรงไปตรงมา
วิดีโอปลุกปั่นหรือเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็น?
ในคลิปวิดีโอที่ถูกเผยแพร่บนโซเชียลมีเดีย เอม พิสิทธิ ได้แสดงบทบาทเป็นทหารชายแดนพร้อมกับกล่าวติดตลกว่าอยากจะไปร่วมรบที่ชายแดนแต่ไม่สามารถทำได้ เนื่องจากผู้นำกัมพูชาได้ถอนทหารไปหมดแล้ว พร้อมทั้งพูดในเชิงวิจารณ์ว่า ผู้บัญชาการทหารส่วนใหญ่ในกัมพูชาก็ล้วนแต่เป็น “พวกพ้อง” ที่ไม่ได้ผ่านการคัดเลือกอย่างเป็นธรรม
ฝ่ายกัมพูชามองว่านี่คือ การยุยงปลุกปั่น บั่นทอนขวัญกำลังใจของกองทัพ และเป็นการเผยแพร่ ข้อมูลเท็จ ที่สร้างความสับสนในหมู่ประชาชน ขณะที่อีกด้านหนึ่ง โดยเฉพาะในหมู่นักสิทธิมนุษยชนอาจมองว่าเป็นการใช้สิทธิเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็นของพลเมืองที่อาศัยอยู่นอกประเทศ
GCYN – องค์กรเยาวชนที่จุดชนวนความขัดแย้ง
องค์กรที่เกี่ยวข้องอย่างชัดเจนในกรณีนี้คือกลุ่มที่ใช้ชื่อว่า “บรรดายุวชนกัมพูชาสากล” (Global Cambodia Youth Network – GCYN) ซึ่งระบุว่าตนเองได้รับการจดทะเบียนอย่างถูกต้องตามกฎหมายในประเทศสหรัฐอเมริกาและออสเตรเลีย โดยอยู่ระหว่างเตรียมขยายการจดทะเบียนในหลายประเทศ เช่น ฝรั่งเศสและแคนาดา
กลุ่มนี้ระบุว่าตนเองเป็น เครือข่ายของเยาวชนกัมพูชาทั่วโลก ที่ต้องการสร้างการเปลี่ยนแปลงเชิงบวกในประเทศผ่านแนวทางประชาธิปไตย พร้อมทั้งฝึกฝนสมาชิกในด้านการบริหาร ความเป็นผู้นำ การแถลงข่าว วิทยาศาสตร์ การเมือง และประวัติศาสตร์สมัยใหม่
โพสต์ท้าทาย “ฮุน มาเนต” จุดไฟการเมืองเดือด
หนึ่งในโพสต์ที่เป็นชนวนสำคัญของความขัดแย้ง เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 9 มิถุนายน เมื่อกลุ่ม GCYN โพสต์ข้อความท้าทายถึง ฮุน มาเนต นายกรัฐมนตรีคนปัจจุบันของกัมพูชา โดยเนื้อหามีลักษณะล้อเลียนและเสียดสีอย่างรุนแรง โดยอ้างถึงภูมิหลังของฮุน มาเนตที่เคยเรียนที่โรงเรียนนายร้อยเวสต์พอยท์ สหรัฐอเมริกา
ข้อความบางช่วงยังระบุว่า ฮุน มาเนต ควร “สวมกระโปรง” เพื่อแสดงความเคารพต่อ “แพทองธาร” นักการเมืองหญิงของไทย สร้างความไม่พอใจในหมู่ชาวกัมพูชาจำนวนมาก
เตีย เซชา ส่งคำเตือนไปยังฝ่ายค้านในต่างประเทศ
เตีย เซชา รัฐมนตรีกลาโหมของกัมพูชา ได้ออกแถลงการณ์ผ่าน Facebook กล่าวเตือนไปยังกลุ่มนักเคลื่อนไหวที่พำนักอยู่ในต่างประเทศว่า แม้จะอยู่นอกประเทศก็ไม่ควรสร้างความวุ่นวายหรือยุยงให้เกิดความไม่สงบ พร้อมยืนยันว่ารัฐบาลกัมพูชายังไม่ได้ถอนกำลังทหารออกจากพื้นที่ชายแดนแต่อย่างใด
คำเตือนนี้อาจสื่อถึงความตั้งใจของรัฐบาลกัมพูชาที่อาจจะดำเนินการเชิงรุกต่อกลุ่มฝ่ายค้านในต่างประเทศมากยิ่งขึ้นในอนาคต
ประเด็นการเมืองข้ามพรมแดน: ไทยจะมีบทบาทอย่างไร?
คำถามสำคัญที่ตามมาคือ ประเทศไทยควรดำเนินการอย่างไรต่อคำเรียกร้องของฮุน เซน และทางการกัมพูชา? หากฝ่ายไทยปฏิเสธที่จะส่งตัวนักเคลื่อนไหวกลับไปยังประเทศต้นทาง จะกลายเป็นชนวนความตึงเครียดระหว่างรัฐบาลไทยกับกัมพูชาหรือไม่?
ในขณะเดียวกัน หากรัฐบาลไทยตอบสนองต่อคำขอส่งตัวกลับไปดำเนินคดี อาจถูกวิจารณ์จากฝ่ายสิทธิมนุษยชนว่าเป็นการละเมิดหลักมนุษยธรรม และเสรีภาพในการแสดงออกของบุคคลที่ลี้ภัยทางการเมือง
กัมพูชาในยุคความเปลี่ยนแปลง – เสรีภาพหรือภัยคุกคาม?
กรณี “เอม พิสิทธิ” และกลุ่ม GCYN เป็นภาพสะท้อนที่ชัดเจนของความตึงเครียดระหว่างอำนาจรัฐกับเสียงของประชาชน โดยเฉพาะในโลกยุคใหม่ที่โซเชียลมีเดียกลายเป็นเครื่องมือในการส่งเสียง และเปิดโปงการทำงานของรัฐบาล
คำถามสุดท้ายที่ควรตั้งไว้คือ เมื่อผู้นำกัมพูชาใช้มาตรการทางกฎหมายและความมั่นคงในการตอบโต้เสียงวิจารณ์จากพลเมืองในต่างแดน – นี่คือการปกป้องความมั่นคงของชาติ หรือคือการจำกัดสิทธิเสรีภาพในยุคประชาธิปไตย?

















