“ฮุน เซน” เปิดรับบริจาคหนุนกองทัพ ลั่นพร้อมสู้ไทย ยืดเยื้อแค่ไหนก็ไม่หวั่น!
“ฮุน เซน” โพสต์เฟซบุ๊ก เรียกร้องชาวกัมพูชาร่วมบริจาคเงินหนุนกองทัพผ่านมูลนิธิ CTN ย้ำต่อสู้ไทยต้องใช้ทั้งทหาร การเมือง และกฎหมายระยะยาว
เมื่อวันที่ 11 มิถุนายน 2568 ที่ผ่านมา สมเด็จฮุน เซน ประธานวุฒิสภาแห่งราชอาณาจักรกัมพูชา และอดีตนายกรัฐมนตรีผู้ทรงอิทธิพล ได้โพสต์ข้อความผ่านบัญชีเฟซบุ๊กส่วนตัว เชิญชวนประชาชนชาวกัมพูชาให้ร่วมกันบริจาคเงินสมทบทุนเพื่อสนับสนุนกองทัพกัมพูชา โดยเงินบริจาคทั้งหมดจะถูกรวบรวมผ่าน “มูลนิธิ CTN” ซึ่งเป็นมูลนิธิในเครือสถานีโทรทัศน์ CTN หนึ่งในสื่อกระแสหลักที่มีอิทธิพลและฐานผู้ชมกว้างขวางที่สุดในประเทศ
ภาพประชาสัมพันธ์ที่แนบมากับโพสต์ดังกล่าวแสดงให้เห็นถึงความตั้งใจของสมเด็จฮุน เซน ที่ขึ้นเป็นตัวแทนในการขอความร่วมมือจากประชาชน โดยมีข้อความโดดเด่นว่า “เรารวมกันเป็นหนึ่งเพื่อกัมพูชา!” พร้อมระบุชื่อของมูลนิธิ CTN และภารกิจหลักในการสนับสนุนกองทัพเพื่อการปกป้องชายแดนประเทศ โดยเฉพาะในช่วงเวลาที่มีความตึงเครียดทางภูมิรัฐศาสตร์
คำกล่าวของสมเด็จฮุน เซน กับภารกิจปกป้องชาติ
ในเนื้อหาของโพสต์ เผยให้เห็นถึงความตระหนักของสมเด็จฮุน เซน ต่อความมั่นคงของประเทศ โดยระบุว่า
“มูลนิธิ CTN เพื่อสนับสนุนกองทัพในการปกป้องชายแดนของประเทศ เริ่มต้นด้วยการถ่ายทอดสดทางโทรทัศน์ CTN ขอบคุณท่านผู้มีเกียรติทุกท่านที่จัดทำโปรแกรมนี้ตามคำขอของข้าพเจ้า”
ข้อความนี้แสดงให้เห็นถึงความร่วมมือระหว่างภาครัฐ สื่อ และประชาชน เพื่อสร้างกระแสแห่งความรักชาติและการมีส่วนร่วมในการสร้างเสริมศักยภาพของกองทัพกัมพูชา
อดีตนายกรัฐมนตรีผู้ครองอำนาจยาวนานถึง 38 ปี ยังได้ย้ำถึงบทบาทสำคัญของกองกำลังป้องกันประเทศ พร้อมอธิบายว่าการปกป้องอธิปไตยของกัมพูชาไม่ได้จำกัดอยู่แค่เพียงแนวรบทางทหารเท่านั้น แต่ยังรวมถึงการดำเนินการทางการเมือง การทูต และกระบวนการยุติธรรมในระดับนานาชาติอีกด้วย
“นี่คือกองกำลังป้องกันประเทศที่แข็งแกร่งของประชาชนของเรา การต่อสู้กับการรุกรานของไทยผ่านวิธีการทางทหาร การเมือง การทูต และกฎหมาย จะต้องดำเนินไปในกลยุทธ์ระยะยาว”
คำกล่าวดังกล่าวถูกตีความว่าเป็นการส่งสัญญาณชัดเจนถึงความไม่ไว้วางใจในความสัมพันธ์ระหว่างกัมพูชาและไทย โดยเฉพาะประเด็นที่เกี่ยวข้องกับพื้นที่ชายแดน และอาจรวมถึงข้อพิพาททางประวัติศาสตร์ซึ่งยังไม่ได้ข้อยุติเด็ดขาด เช่น กรณีเขาพระวิหาร ที่เคยถูกนำขึ้นพิจารณาในศาลยุติธรรมระหว่างประเทศ (ICJ)
การบริจาคเงินส่วนตัวของ “ฮุน เซน” จุดกระแสสร้างพลังศรัทธา
สมเด็จฮุน เซน ยังแสดงความจริงจังด้วยการประกาศบริจาคเงินส่วนตัวจำนวน 300 ล้านเรียล หรือประมาณ 2.4 ล้านบาทไทย ให้กับกองทุนมูลนิธิ CTN โดยระบุว่านี่คือ “ระยะแรก” ซึ่งแปลว่ามีแนวโน้มจะมีการบริจาคเพิ่มเติมในอนาคต
“ข้าพเจ้าและภรรยาต้องการบริจาคเงิน 300 ล้านเรียล ให้กับกองทุนนี้ในระยะแรก ข้าพเจ้าขอเรียกร้องให้เพื่อนร่วมชาติทุกคนร่วมกันสนับสนุนกองทัพ ประเทศชาติ และแผ่นดินของเรา”
คำกล่าวนี้สะท้อนถึงเจตจำนงของผู้นำที่ยังมีอิทธิพลสูงสุดในแวดวงการเมืองของกัมพูชา แม้จะก้าวลงจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรีไปแล้วก็ตาม การใช้แพลตฟอร์มออนไลน์อย่างเฟซบุ๊กในการรณรงค์ ยังแสดงถึงความเข้าใจในพฤติกรรมของประชาชนยุคใหม่ ที่นิยมติดตามข่าวสารผ่านโซเชียลมีเดียมากกว่าสื่อดั้งเดิม
บทบาทของ CTN กับความมั่นคงของชาติ
มูลนิธิ CTN ซึ่งเป็นเจ้าของโดยสถานีโทรทัศน์ CTN (Cambodia Television Network) นั้น มีบทบาทเชิงสัญลักษณ์อย่างมากในการผลักดันโครงการนี้ให้เข้าถึงคนทุกระดับในสังคมกัมพูชา ด้วยฐานผู้ชมจำนวนมาก CTN จึงถูกเลือกเป็นช่องทางหลักในการถ่ายทอดสดกิจกรรมการรณรงค์และเชิญชวนบริจาค ซึ่งช่วยขยายผลอย่างกว้างขวาง
โครงการนี้ยังสะท้อนให้เห็นถึงรูปแบบ “รัฐพันธมิตรกับสื่อ” ในการสร้างแนวร่วมระดับชาติผ่านช่องทางการสื่อสารมวลชนที่มีประสิทธิภาพ โดยใช้บุคลิกของผู้นำระดับชาติอย่างฮุน เซน เป็นศูนย์กลางของการขับเคลื่อน
ประวัติศาสตร์ความตึงเครียดระหว่างกัมพูชา-ไทย ยังไม่จางหาย
ความสัมพันธ์ระหว่างไทยกับกัมพูชาในช่วงหลายทศวรรษที่ผ่านมา เต็มไปด้วยความซับซ้อนและช่วงเวลาที่ยากลำบาก หนึ่งในกรณีที่ถูกกล่าวถึงบ่อยที่สุดคือข้อพิพาทเรื่อง “ปราสาทเขาพระวิหาร” ซึ่งเป็นพื้นที่แนวชายแดนที่ต่างฝ่ายต่างอ้างสิทธิ์เป็นของตนเอง และเป็นชนวนให้เกิดความตึงเครียดทางการเมืองและทางทหารเป็นระยะๆ
แม้ศาลยุติธรรมระหว่างประเทศจะมีคำตัดสินให้ปราสาทดังกล่าวเป็นของกัมพูชาในปี 1962 แต่ความขัดแย้งเกี่ยวกับ “พื้นที่โดยรอบปราสาท” ยังคงเป็นประเด็นเปิด ที่ฝ่ายไทยและกัมพูชาเคยใช้ทั้งวิธีทางการเมืองและกฎหมายระหว่างประเทศเพื่อหาทางออก
การที่สมเด็จฮุน เซน กล่าวถึง “การต่อสู้ผ่านศาลยุติธรรมระหว่างประเทศที่กรุงเฮก” ก็สะท้อนถึงความตั้งใจของฝ่ายกัมพูชา ที่จะใช้เครื่องมือทางกฎหมายระหว่างประเทศควบคู่ไปกับกลยุทธ์ทางทหารเพื่อปกป้องผลประโยชน์ของชาติในระยะยาว
เสียงสะท้อนจากประชาชนและนักวิเคราะห์
หลังจากโพสต์ของสมเด็จฮุน เซน ถูกเผยแพร่ออกไป มีประชาชนจำนวนไม่น้อยแสดงความคิดเห็นผ่านช่องทางเฟซบุ๊ก ทั้งในเชิงสนับสนุนและตั้งคำถาม โดยมีผู้สนับสนุนมองว่าเป็นการรวมพลังของชาวกัมพูชาเพื่อปกป้องอธิปไตยของชาติ ในขณะที่บางฝ่ายก็แสดงความกังวลว่า การนำเรื่องความมั่นคงมาเป็นวาระระดับชาติ อาจนำไปสู่ความตึงเครียดที่ไม่จำเป็นหากไม่มีการจัดการที่รอบคอบ
นักวิเคราะห์ด้านภูมิรัฐศาสตร์บางรายมองว่า การเคลื่อนไหวในลักษณะนี้ของฮุน เซน เป็นการส่งสัญญาณเชิงยุทธศาสตร์ถึงรัฐบาลใหม่ของไทย และอาจมีผลต่อความสัมพันธ์ทวิภาคีในระยะต่อไป โดยเฉพาะในช่วงที่ไทยเองกำลังเผชิญกับปัญหาทางการเมืองภายในประเทศ
บทสรุป: เมื่อความมั่นคงกลายเป็นภารกิจของทั้งชาติ
การประกาศขอรับบริจาคเงินเพื่อสนับสนุนกองทัพผ่านมูลนิธิ CTN โดยสมเด็จฮุน เซน ไม่ได้เป็นเพียงแค่การระดมทุนธรรมดา แต่เป็นการเคลื่อนไหวทางการเมืองที่สอดประสานกับแผนยุทธศาสตร์ระยะยาวของประเทศกัมพูชา ที่วางเป้าหมายชัดเจนไว้ทั้งในมิติความมั่นคงทางทหาร การทูต และการใช้กฎหมายระหว่างประเทศ
ไม่ว่าผลลัพธ์ในระยะยาวจะเป็นเช่นไร การเคลื่อนไหวครั้งนี้ถือเป็นการวางหมากอีกหนึ่งตาในกระดานความสัมพันธ์ไทย-กัมพูชา ที่ยังคงต้องจับตามองอย่างใกล้ชิดต่อไป



















