วุ่นหนัก! “เจนนี่” เมาอาละวาดใส่ “อาจารย์อ้น” ถึงขั้น “ผู้ใหญ่บ้านฟินแลนด์” ต้องใช้เชือกจัดการ
ดราม่าระอุ! เจนนี่ ซีโฟร์ โตเกียว มิวสิค แย่งไมค์อาจารย์หมอลำกลางเวที พร้อมพูดคำหยาบ จนถูกพักงานไม่มีกำหนด!
กลายเป็นดราม่าร้อนแรงที่สั่นสะเทือนวงการหมอลำและวงการบันเทิงลูกทุ่งทันที เมื่อ "เจนนี่ ซีโฟร์ โตเกียว มิวสิค" ศิลปินสาวชื่อดังภายใต้ค่าย Tokyo Music ตกเป็นประเด็นวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนักในโลกออนไลน์ หลังเกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝันในงานวันเกิดของ "ผู้ใหญ่บ้านฟินแลนด์" ที่จัดขึ้นอย่างอบอุ่น แต่กลับมีเหตุการณ์ที่ไม่มีใครคาดคิดว่าจะเกิดขึ้นบนเวทีหมอลำ
โดยจุดเริ่มต้นของดราม่านี้ เกิดขึ้นเมื่อ "อาจารย์อ้น แคนเขียว" ศิลปินหมอลำชื่อดัง ได้รับเชิญขึ้นเวทีเพื่อโชว์ลำกลอน ซึ่งถือเป็นศิลปะวัฒนธรรมท้องถิ่นอีสานที่ได้รับการยอมรับอย่างสูง แต่ระหว่างที่กำลังแสดงอยู่นั้น กลับมีเหตุการณ์ไม่คาดฝัน เมื่อ "เจนนี่" ที่อยู่ในอาการคล้ายคนเมา ได้เดินขึ้นไปบนเวทีและแย่งไมค์ของอาจารย์อันอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ย
สิ่งที่ทำให้ผู้ชมในงานและผู้ชมทางไลฟ์สดถึงกับอึ้งและตกตะลึงไม่ใช่แค่การแย่งไมค์เท่านั้น แต่เป็นคำพูดของเจนนี่ที่หลุดออกมาว่า
"มึงจะลำกลอนลำเ...้_อะไร ไม่ต้องหมอลำกลอนแล้ว"
ซึ่งถือเป็นถ้อยคำที่รุนแรง หยาบคาย และไม่ให้เกียรติศิลปินร่วมเวทีเลยแม้แต่น้อย ทำให้บรรยากาศงานในขณะนั้นเงียบกริบไปชั่วขณะ ผู้คนหลายคนถึงกับตกใจ ขณะที่ผู้ชมในโลกโซเชียลเริ่มพากันแคปคลิป แชร์ออกไปอย่างรวดเร็ว พร้อมเสียงวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนักหน่วง
แม้ว่าอาจารย์อ้น แคนเขียว จะไม่ได้แสดงอาการไม่พอใจ หรือโต้ตอบใดๆ ในที่สาธารณะ แต่อารมณ์ของผู้ชมกลับเดือดดาลทันที หลายคนมองว่าเป็นการดูหมิ่นศิลปินหมอลำ และทำลายบรรยากาศงานในลักษณะที่ไม่เหมาะสมอย่างยิ่ง
เสียงสะท้อนจากโซเชียลเดือดหนัก – “ไม่ให้เกียรติกันเลย!”
ทันทีที่คลิปเหตุการณ์ถูกเผยแพร่ออกไปบนโลกออนไลน์ กระแสตีกลับก็รุนแรงอย่างคาดไม่ถึง ชาวเน็ตจำนวนมากแสดงความไม่พอใจอย่างมากต่อพฤติกรรมของเจนนี่ หลายคนแสดงความผิดหวัง พร้อมตั้งคำถามถึงจรรยาบรรณของศิลปินที่อยู่ในวงการบันเทิง
“หมอลำลำกลอนเป็นศิลปะพื้นบ้านอีสานที่มีคุณค่า การพูดแบบนี้คือไม่ให้เกียรติศิลปะบ้านตัวเองเลย”
“ต่อให้เมา ก็ไม่ควรทำแบบนี้กับอาจารย์อัน ลำกลอนกำลังซึ้งๆ เจนนี่ขึ้นไปทำแบบนั้นคือพังหมดเลย”
นอกจากนี้ ยังมีเสียงเรียกร้องให้ต้นสังกัดของเจนนี่ออกมาแสดงความรับผิดชอบ และดำเนินการทางวินัยกับศิลปินที่กระทำความผิดอย่างชัดเจน
ต้นสังกัดไม่ทน – Tokyo Music ออกแถลงการณ์พักงาน “เจนนี่” ไม่มีกำหนด
หลังจากที่เสียงวิจารณ์ในโซเชียลบานปลายจนกลายเป็นกระแสสังคม ล่าสุดทางบริษัท โตเกียวมิวสิค จำกัด ซึ่งเป็นต้นสังกัดของเจนนี่ ได้ออกแถลงการณ์อย่างเป็นทางการผ่านหน้าเพจของค่าย โดยระบุว่า
"เนื่องจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในกรณีที่ศิลปินในสังกัดค่ายได้มีการกระทำที่ไม่เหมาะสมภายในงานเมื่อคืน หลังจากเกิดเหตุการณ์ขึ้น ทางค่ายได้มีการกล่าวขอโทษท่านอาจารย์อ้นไปแล้วเบื้องต้น ทั้งนี้ทางค่ายไม่ได้นิ่งนอนใจกับกระแสในสังคม จึงมีมติจากทางผู้บริหารแจ้งให้ทราบว่า ทางค่ายต้นสังกัดมีคำสั่งให้ 'เจนนี่ โตเกียวมิวสิค' พักงานโดยไม่มีกำหนด"
พร้อมย้ำว่า การกลับมารับงานอีกครั้งจะต้องขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของผู้บริหาร และทางค่ายได้ให้คำแนะนำกับศิลปินในเรื่องการขอขมาและแนวทางในการปฏิบัติหลังเหตุการณ์เกิดขึ้นแล้ว
เจนนี่ออกมาขอโทษน้ำตาคลอ – “ไม่มีข้อแก้ตัวใดๆ ทั้งสิ้น”
ภายหลังจากเกิดกระแสดราม่าดังกล่าว เจนนี่ได้เดินทางนำพานดอกไม้กราบขอขมาอาจารย์อ้นด้วยตัวเอง พร้อมกล่าวคำขอโทษทั้งน้ำตา โดยเปิดใจผ่านสื่อว่า
"หนูไม่มีคำแก้ตัวใดๆ ทั้งสิ้น หนูรู้สึกผิดกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจากใจค่ะ หนูกราบขอโทษขอขมาอาจารย์อ้น แคนเขียว FC อาจารย์ ลูกศิษย์อาจารย์ทุกคนจากใจ หนูน้อมรับความผิดและพร้อมแก้ไขในสิ่งที่ผิดพลาดตรงนี้"
เธอยังกล่าวเพิ่มเติมว่าเธอได้คุยกับผู้บริหารของค่ายแล้ว และพร้อมที่จะยอมรับบทลงโทษเต็มที่ โดยเชื่อว่าสิ่งที่เกิดขึ้นจะเป็นบทเรียนสำคัญในชีวิตของเธอ
"ความผิดพลาดครั้งนี้ หนูอยากให้ค่ายลงโทษหนูเต็มที่ เพื่อจะได้เป็นตัวอย่าง ไม่ควรทำตาม หนูรู้สึกผิดจากใจจริงค่ะ"
บทเรียนราคาแพง – ดราม่านี้สะท้อนอะไรในวงการบันเทิง?
เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนี้ แม้จะดูเป็นอารมณ์ชั่ววูบของศิลปินคนหนึ่ง แต่กลับกลายเป็นกระจกสะท้อนภาพลักษณ์ของคนบันเทิงในยุคปัจจุบันได้เป็นอย่างดี เรื่องของ "วุฒิภาวะ", "ความรับผิดชอบ", และ "ความเคารพในเวทีและผู้อื่น" ถือเป็นสิ่งสำคัญที่ศิลปินทุกคนควรตระหนักอยู่เสมอ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในยุคที่ทุกการกระทำสามารถถูกบันทึกและแชร์ได้ภายในไม่กี่วินาที
เจนนี่อาจจะไม่ได้ตั้งใจให้เรื่องบานปลายถึงขนาดนี้ แต่ผลกระทบจากการกระทำในค่ำคืนนั้นกลับทวีความรุนแรง ทั้งต่อชื่อเสียงของตัวเอง วงการหมอลำ และค่ายที่อยู่เบื้องหลัง การยอมรับผิดและแสดงความรับผิดชอบในครั้งนี้จึงถือเป็นก้าวแรกของการแก้ไข แต่จะเพียงพอหรือไม่นั้น คงต้องรอดูพัฒนาการในอนาคตของเธออีกครั้ง
สุดท้ายนี้ เรื่องนี้ถือเป็นบทเรียนสำคัญที่ทั้งศิลปิน คนทำงานเบื้องหลัง และผู้จัดงานควรตระหนักร่วมกัน การให้ความสำคัญกับเวที ศิลปินร่วมงาน และผู้ชมทุกคน เป็นหัวใจสำคัญของความเป็นมืออาชีพ และสำหรับเจนนี่เอง คงต้องใช้เวลาทบทวนอย่างจริงจัง เพื่อกลับมาในเวอร์ชันที่ดีขึ้น หากยังต้องการยืนอยู่ในวงการบันเทิงอย่างภาคภูมิ
“ชื่อเสียงสร้างได้ แต่ก็ทำลายตัวเองได้ในพริบตา” – คำนี้ยังคงเป็นจริงเสมอ
หากคุณผู้อ่านมีความคิดเห็นเพิ่มเติมเกี่ยวกับประเด็นนี้ รู้สึกอย่างไรกับการแสดงออกของเจนนี่ หรือมองว่าการขอโทษของเธอเพียงพอแล้วหรือยัง? แชร์มุมมองของคุณในช่องคอมเมนต์ได้เลยค่ะ














