จากสายฮาสู่หมายจับ! เปิดประวัติ “ลุงโทนี่” อินฟลูฯ ดัง ก่อนโดนรวบกลางร้านอาหาร
"ลุงโทนี่" อินฟลูเอนเซอร์สายฮาชื่อดัง เจออีกแล้ว! เจ้าหน้าที่บุกค้นร้าน พบวิทยุสื่อสารไม่มีใบอนุญาต กลายเป็นดราม่าร้อนโซเชียลอีกรอบ
กลายเป็นประเด็นร้อนบนโลกโซเชียลอีกครั้ง สำหรับ "ลุงโทนี่" หรือ นายเจริญศักดิ์ โพธิ์ศรีชัย อินฟลูเอนเซอร์สายฮาชื่อดังจากจังหวัดเพชรบูรณ์ ผู้มียอดผู้ติดตามบนโซเชียลมีเดียมากกว่า 1.6 ล้านราย โดยเฉพาะบนเพจ “ลุงโทนี่ นาซีชาแนล” ที่มีคอนเทนต์หลากหลาย ทั้งความฮา ชีวิตในฟาร์มวัว ร้านอาหารพื้นบ้าน และเรื่องราวในชีวิตประจำวันของเขา
ล่าสุดเมื่อวันที่ 10 มิถุนายน 2568 เจ้าหน้าที่จากสำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) ภาค 3 พร้อมด้วยหมายศาลจังหวัดเพชรบูรณ์ ได้เข้าตรวจค้นร้านอาหารชื่อดัง “ครัวลุงโทนี่” ซึ่งตั้งอยู่ในเขตอำเภอเมือง จังหวัดเพชรบูรณ์ โดยการตรวจค้นครั้งนี้เกิดขึ้นจากการได้รับเบาะแสว่าในร้านมีการใช้วิทยุสื่อสารที่ไม่มีใบอนุญาต และผลจากการเข้าตรวจค้นก็พบของกลางเป็นเครื่องวิทยุสื่อสารจำนวน 10 เครื่อง ซึ่งไม่มีใบอนุญาตการใช้งานอย่างถูกต้องตามกฎหมาย
แม้ “ลุงโทนี่” จะออกมาอธิบายว่า วิทยุเหล่านี้เพียงนำมาใช้ภายในร้านอาหาร เพื่อสื่อสารกับพนักงานเท่านั้น ไม่ได้ใช้เพื่อการค้าหรือจุดประสงค์ที่ผิดกฎหมาย แต่สุดท้ายเจ้าหน้าที่ได้ดำเนินการแจ้งข้อหา และมีการเปรียบเทียบปรับเป็นเงินจำนวน 11,000 บาท พร้อมยึดเครื่องวิทยุทั้งหมดเป็นของกลาง
ไม่ใช่ครั้งแรกที่ "ลุงโทนี่" ตกเป็นข่าว
อย่างไรก็ตาม นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่ชื่อของลุงโทนี่ปรากฏบนหน้าสื่อในเชิงลบ เพราะหากย้อนดูประวัติการเป็นข่าวฉาวของเขาในอดีต จะเห็นได้ว่า ลุงโทนี่เป็นหนึ่งในอินฟลูเอนเซอร์ที่มีประวัติการถูกดำเนินคดี และสร้างดราม่าให้กับโลกออนไลน์มาแล้วหลายต่อหลายครั้ง
พฤษภาคม 2562: สร้างความฮือฮาเมื่อไลฟ์สดคู่สาวบิกินีในลักษณะวาบหวิว พร้อมโปรโมทกลุ่มพนันออนไลน์ ซึ่งต่อมาเจ้าหน้าที่สามารถติดตามจับกุมตัวได้ ร่วมกับผู้ร่วมขบวนการที่มีฉายาในโลกออนไลน์ว่า “ปุ่มหามุนี”
มีนาคม 2566: ถูกดำเนินคดีอีกครั้ง จากการที่เขาโพสต์ชักชวนเยาวชนอายุ 15 ปี ให้เข้าเล่นเว็บพนันออนไลน์ พร้อมแจกเงิน 500 บาทให้เด็กที่ร่วมกิจกรรม ซึ่งเจ้าตัวยอมรับความผิด โดยอ้างว่า “มีภาระเยอะ จึงต้องหารายได้ทางลัด”
กันยายน 2566: อีกหนึ่งคดีที่ทำให้เกิดกระแสวิพากษ์วิจารณ์กว้างขวางในสังคม เมื่อเขาโฆษณาเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ผ่านเพจของตนเอง โดยไม่มีใบอนุญาต ซึ่งเป็นการกระทำที่ผิดกฎหมายตาม พ.ร.บ.ควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ เจ้าตัวก็ยอมรับอีกเช่นกัน โดยให้เหตุผลว่า “เพราะอยากได้เงิน”
เมษายน 2568: สร้างความไม่พอใจให้กับประชาชนชาวมุสลิมอย่างมาก เมื่อมีภาพเขาใส่ชุดโต๊ปอิสลามเพื่อโปรโมทเมนูอาหารจากหมูในร้านของตัวเอง ทำให้คณะกรรมการอิสลามประจำจังหวัดเพชรบูรณ์ประกาศชัดเจนว่าจะดำเนินคดีและไม่ยอมความในกรณีนี้
กระแสดราม่าแรง แต่ฐานแฟนคลับยังเหนียวแน่น
แม้จะเจอข่าวฉาวซ้ำแล้วซ้ำเล่า และถูกดำเนินคดีมาแล้วหลายครั้ง แต่ลุงโทนี่กลับยังมีฐานแฟนคลับที่เหนียวแน่นไม่เสื่อมคลาย โดยเฉพาะกลุ่มแฟนเพจที่ชื่นชอบคอนเทนต์แนวตลกโปกฮา รวมถึงไลฟ์สไตล์ชาวบ้านที่แฝงด้วยมุขตลกสไตล์ “คนบ้านๆ จริงใจ” ซึ่งกลายเป็นเสน่ห์เฉพาะตัวของเขา ที่ไม่ว่าเจอดราม่าแค่ไหน ก็มักจะมีคนให้กำลังใจและปกป้องในโลกออนไลน์อยู่เสมอ
หลายคนอาจมองว่าเขาเป็นเพียง “คนธรรมดา” ที่หาเลี้ยงชีพตามวิถีของตัวเอง และไม่ได้มีเจตนาแฝงร้าย หรือจงใจจะทำผิดกฎหมาย แต่ในอีกมุมหนึ่ง เสียงวิจารณ์จากสังคมก็มองว่า การที่เขายังคงได้รับความนิยมและสามารถสร้างรายได้จากคอนเทนต์ต่างๆ ได้อย่างต่อเนื่อง แม้จะมีพฤติกรรมผิดกฎหมายอยู่หลายครั้ง อาจส่งผลให้เยาวชนหรือผู้ชมทั่วไปเกิดความเข้าใจผิดว่า การทำผิดเป็นเรื่องเล็กน้อย และสามารถ “แถ” หรือ “ยอมรับผิด” แล้วเดินหน้าทำคอนเทนต์ต่อได้เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น
บทเรียนและคำถามถึงบทบาทของโซเชียลมีเดีย
กรณีของลุงโทนี่เป็นหนึ่งในตัวอย่างสะท้อนว่า โลกของโซเชียลมีเดียในปัจจุบัน กลายเป็นเวทีที่บุคคลธรรมดาสามารถสร้างชื่อเสียง และรายได้มหาศาลจากการเป็น “อินฟลูเอนเซอร์” หรือ “ครีเอเตอร์” ได้อย่างรวดเร็ว แต่ก็เป็นดาบสองคม เพราะเมื่อบุคคลเหล่านี้ทำผิดกฎหมายหรือมีพฤติกรรมไม่เหมาะสม ผลกระทบย่อมขยายวงกว้างและเร็วเช่นกัน
สิ่งที่สังคมควรถามต่อไปคือ สื่อและผู้บริโภคควรรับผิดชอบอย่างไรต่อเนื้อหาที่เสพ และแพลตฟอร์มต่างๆ ควรมีมาตรการที่เข้มงวดมากขึ้นในการจัดการกับเนื้อหาที่ผิดกฎหมายหรือไม่เหมาะสมหรือไม่?
ในขณะเดียวกัน ตัวอินฟลูเอนเซอร์เองก็ควรตระหนักถึงบทบาทของตนในฐานะ “ผู้มีอิทธิพล” ที่สามารถปลูกฝังทัศนคติและพฤติกรรมแก่ผู้ติดตามจำนวนมาก ไม่ใช่เพียงแค่คิดว่า “ฉันเป็นแค่คนธรรมดา” แล้วใช้ข้ออ้างนั้นเพื่อหลีกเลี่ยงความรับผิดชอบ
สรุป
คดีล่าสุดของ “ลุงโทนี่” กับข้อหาใช้วิทยุสื่อสารโดยไม่มีใบอนุญาต เป็นเพียงอีกหนึ่งหน้าประวัติของเขาที่สะท้อนให้เห็นถึงเส้นทางที่เต็มไปด้วยเรื่องฉาว แต่ก็ยังคงมีผู้สนับสนุนไม่น้อยในโลกออนไลน์
ไม่ว่าจะด้วยความชื่นชอบในตัวตนแบบ “บ้านๆ” ของเขา หรือความเข้าใจว่าเขาเป็นเพียงผู้หาเช้ากินค่ำที่พลาดพลั้งในบางเรื่อง แต่กรณีนี้ก็ยังคงเป็นเรื่องที่สังคมไทยควรจับตามองอย่างใกล้ชิด ว่าระบบยุติธรรมในโลกออนไลน์จะสามารถสร้างสมดุลระหว่าง “ความสนุก” กับ “ความรับผิดชอบ” ได้มากน้อยเพียงใด
อ้างอิงจาก: ภาพจาก เพจเฟซบุ๊ก : ลุงโทนี่ นาฮีชาแนล













