เงินดิจิทัลเฟส 4 สะดุด! กลุ่มวัยทำงาน 21-59 ปีอาจไม่ได้รับ
ดิจิทัลวอลเล็ต 10,000 บาท เฟส 3-4 ถูกเลื่อนอย่างไม่มีกำหนด รัฐบาลยัน "ยังไม่ยกเลิก" ชี้ใช้เงินกระตุ้นเศรษฐกิจเร่งด่วนแทน
ในช่วงที่ผ่านมา ประชาชนทั่วประเทศต่างเฝ้ารอความคืบหน้าเกี่ยวกับโครงการ “ดิจิทัลวอลเล็ต 10,000 บาท” ที่รัฐบาลได้ประกาศไว้ตั้งแต่ช่วงก่อนการเลือกตั้ง และได้เริ่มดำเนินการในช่วงเฟสแรกไปแล้ว โดยมีเป้าหมายเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจจากฐานราก ช่วยเหลือประชาชนในการใช้จ่าย และส่งเสริมการหมุนเวียนของเงินในระบบเศรษฐกิจไทย
อย่างไรก็ตาม ล่าสุดมีความเคลื่อนไหวสำคัญจากรัฐบาลเกี่ยวกับเฟสถัดไปของโครงการนี้ โดยเฉพาะเฟส 3 และเฟส 4 ที่มีงบประมาณสูงถึง 157,000 ล้านบาท ซึ่งได้มีการเปิดเผยอย่างเป็นทางการว่า โครงการนี้ถูกเลื่อนออกไปอย่างไม่มีกำหนดในขณะนี้
สรุปมติคณะกรรมการนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจ: เลื่อนแจกเงินหมื่นออกไป
จากการประชุมคณะกรรมการนโยบายโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจ ครั้งที่ 2/2568 ซึ่งมี นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เป็นประธาน และมี นายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เข้าร่วม ได้มีมติที่สำคัญคือ
“เลื่อนการดำเนินการโครงการดิจิทัลวอลเล็ต 10,000 บาท เฟส 3 และเฟส 4 ออกไปอย่างไม่มีกำหนด”
ทั้งนี้รัฐบาลขอยืนยันว่า ไม่ได้ยกเลิกโครงการ แต่เป็นเพียง “การชะลอ” เพื่อรอความเหมาะสมของสถานการณ์เศรษฐกิจทั้งในและต่างประเทศ โดยเฉพาะปัจจัยเศรษฐกิจโลกที่ยังคงมีความผันผวนสูง ซึ่งอาจส่งผลต่อเศรษฐกิจไทยหากมีการอัดฉีดเงินในช่วงที่ยังไม่เหมาะสม
เหตุผลเบื้องหลังการตัดสินใจเลื่อนโครงการ
นายพิชัย ชี้แจงต่อสื่อมวลชนว่า เหตุผลสำคัญที่ต้องเลื่อนการแจกเงินดิจิทัลในเฟสต่อ ๆ ไป คือ
1. สภาพเศรษฐกิจโลกยังไม่ฟื้นตัวดีพอ
ปัญหาการชะลอตัวทางเศรษฐกิจจากประเทศคู่ค้า ความไม่แน่นอนของอัตราดอกเบี้ยและเงินเฟ้อ ความผันผวนของตลาดพลังงานและอาหารโลก
2. ต้องการใช้งบประมาณที่มีอยู่ให้เกิดประโยชน์เร่งด่วนที่สุด
งบประมาณ 157,000 ล้านบาท ที่กันไว้สำหรับเฟส 3 จะถูกนำไปใช้พัฒนาโครงสร้างพื้นฐานเร่งด่วน เช่น
การแก้ปัญหาน้ำเพื่อการอุปโภค-บริโภค
การลงทุนในระบบราง เช่น รถไฟความเร็วสูง และรถไฟรางคู่
ปรับปรุงถนนและคมนาคมในภูมิภาค
รวมทั้งการกระตุ้นภาคการท่องเที่ยว และช่วยเหลือภาคการส่งออก
3. ต้องการวางแผนให้รัดกุมและมั่นใจว่าการแจกเงินจะกระตุ้นเศรษฐกิจได้จริงนายพิชัยระบุว่า แม้รัฐบาลยังมีเงินคงคลังเพียงพอ แต่การใช้เงินต้องคำนึงถึงความคุ้มค่า และจังหวะเวลาที่เหมาะสม
แจกจริงไหม? หรือแค่ "หาเสียง"?
คำถามที่เกิดขึ้นในโลกโซเชียลขณะนี้คือ “ตกลงจะมีแจกจริงหรือไม่?” หรือที่ผ่านมาคือการหาเสียง? สำหรับประเด็นนี้ นายพิชัยได้ยืนยันชัดเจนว่า รัฐบาลไม่มีนโยบายยกเลิกโครงการนี้ แต่จำเป็นต้องทบทวน เพื่อให้แน่ใจว่าการใช้งบประมาณจำนวนมหาศาลนั้นจะก่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดในภาพรวมเศรษฐกิจของประเทศ
“ไม่ใช่ว่ารัฐบาลไม่มีเงิน แต่เราอยากใช้เงินให้เกิดผลสูงสุดจริง ๆ ถ้าใช้ตอนนี้อาจไม่คุ้มกับผลที่จะได้” — นายพิชัย ชุณหวชิร กล่าว
ผลกระทบต่อประชาชนและภาคธุรกิจ
แม้รัฐบาลจะย้ำว่าโครงการยังอยู่ แต่การเลื่อนออกไปอย่างไม่มีกำหนดก็ส่งผลให้หลายฝ่ายรู้สึกผิดหวัง โดยเฉพาะประชาชนที่มีรายได้น้อยและภาคธุรกิจค้าปลีกขนาดเล็ก ซึ่งคาดหวังเม็ดเงิน 10,000 บาทต่อคนจากประชาชนหลายสิบล้านคน ที่จะช่วยกระตุ้นกำลังซื้อในช่วงที่เศรษฐกิจยังซบเซา
ร้านค้าในชุมชน หลายแห่งเตรียมรับการใช้จ่ายผ่านแอปดิจิทัล
ผู้มีรายได้น้อย ตั้งความหวังในการนำเงินไปซื้อของจำเป็นหรือจ่ายหนี้สิน
นักเศรษฐศาสตร์ บางส่วนแสดงความเห็นว่า การเลื่อนแจกเงินอาจทำให้การฟื้นตัวทางเศรษฐกิจล่าช้า
ประเมินผลกระทบทางเศรษฐกิจ
แม้จะเลื่อนโครงการออกไป แต่จากข้อมูลของกระทรวงการคลัง การแจกเงินในโครงการดิจิทัลวอลเล็ต หากดำเนินการจริง จะช่วยให้จีดีพีของประเทศเพิ่มขึ้นประมาณ 0.71-1% ซึ่งเป็นอัตราการเติบโตที่น่าสนใจในช่วงเศรษฐกิจชะลอตัว
ดังนั้น การเลื่อนออกไปในขณะนี้อาจหมายถึงการสูญเสียโอกาสบางส่วนในการกระตุ้นเศรษฐกิจระยะสั้น แต่รัฐบาลยืนยันว่าจะใช้เม็ดเงินดังกล่าวไปสร้างโครงสร้างพื้นฐานแทน ซึ่งจะเป็นประโยชน์ในระยะยาวมากกว่า
สรุป: โครงการยังอยู่ แต่ขอรอก่อน
โครงการ “ดิจิทัลวอลเล็ต 10,000 บาท” เฟส 3 และเฟส 4 ยังคงอยู่ในแผนของรัฐบาล เพียงแต่ยังไม่สามารถดำเนินการในช่วงเวลานี้ได้ ด้วยเหตุผลทางเศรษฐกิจและการบริหารจัดการงบประมาณ แต่ไม่ได้หมายความว่ารัฐบาลจะล้มเลิกโครงการแต่อย่างใด
ประชาชนยังสามารถติดตามความเคลื่อนไหวจากรัฐบาลและกระทรวงการคลังอย่างใกล้ชิด เพราะหากสถานการณ์เหมาะสม โครงการนี้อาจถูกนำกลับมาดำเนินการอีกครั้งในอนาคตอันใกล้

















