จับตา! มาวิเคราะห์สถานการณ์กัน เวียดนามจะแซงไทยในอีกไม่กี่ปีข้างหน้า
จากการที่ศูนย์วิจัยเศรษฐกิจและธุรกิจ (CEBR) ออกมาเผยว่า เวียดนามจะแซงหน้าไทยขึ้นเป็นประเทศที่มีขนาดเศรษฐกิจใหญ่อันดับ 2 ในอาเซียน รองจากอินโดนีเซีย ภายในปี 2028 และมีโอกาสจะก้าวขึ้นเป็น 1 ใน 20 เศรษฐกิจที่ใหญ่ที่สุดของโลกภายในปี 2036
กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) เกี่ยวกับการคาดการณ์การแซงหน้าทางเศรษฐกิจของเวียดนามต่อไทยนั้น มีความสอดคล้องกับแนวโน้มที่ CEBR
อะไรทำให้ทั้ง CEBRและIMF คิดแบบนั้น
ดูจากข้อมูลที่CEBRและIMFได้ให้กัน
CEBR : เวียดนามมีอัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจเฉลี่ยประมาณ 6.5-8% ต่อปี ซึ่งสูงกว่าไทยที่มีการเติบโตแบบขึ้นๆ ลงๆ ประมาณ 3% ต่อปี
เวียดนามพยายามลดการพึ่งพาตลาดใดตลาดหนึ่ง และขยายตลาดส่งออกไปยังหลากหลายประเทศ
ค่าแรงที่ต่ำกว่าจีน ทำให้เวียดนามเป็นจุดหมายปลายทางที่น่าสนใจสำหรับนักลงทุนที่ต้องการลดต้นทุนการผลิต
นอกจากนี้เวียดนามยังมีแผนในอีก 5 ปีสำหรับการพัฒนาเศรษฐกิจที่เน้นการบูรณาการเข้าสู่ห่วงโซ่อุปทานโลก
IMF : สิ่งที่ IMF คาดการณ์คือภายในปี 2027 ขนาดเศรษฐกิจ (GDP) ของไทยจะอยู่ที่ประมาณ 692,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ในขณะที่เวียดนามจะเติบโตอย่างรวดเร็วมาอยู่ที่ 690,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งถือว่า "ห่างกันเพียงเส้นบางๆ" เท่านั้น
ภายในปี 2025 เวียดนามจะขยับขึ้นมาเป็น อันดับ 3 ของอาเซียน โดยมีขนาดเศรษฐกิจเป็นรองเพียงอินโดนีเซียและไทย ถ้าพูดถึงในระยะยาวแต่แนวโน้มที่คาดการณ์บ่งชี้ว่า เวียดนามมีศักยภาพสูงที่จะแซงหน้าไทย ในระยะเวลาไม่นานนัก หากอัตราการเติบโตยังคงเป็นไปตามที่คาดการณ์
นอกจากนี้ยังเผยถึงแรงขับเคลื่อนของเวียดนามที่จะแซงไทย คือความสามารถในการเพิ่มผลผลิตและประสิทธิภาพ เนื่องจากเวียดนามเป็นประเทศที่น่าสนใจสำหรับการลงทุนจากต่างชาติอย่างมาก ทั้งการลงทุนโดยตรงและการลงทุนในตลาดทุน
ณ ช่วงเวลานี้นายกฯเวียดนามได้แสดงออกถึงวิสัยทัศน์ที่มุ่งเน้นโดยการที่ทำให้เศรษฐกิจเติบโตอย่างต่อเนื่องการอำนวยความสะดวกในการลงทุนจากต่างประเทศอย่างต่อเนื่อง เพื่อดึงดูดเม็ดเงินลงทุนและเทคโนโลยีเข้ามาในประเทศ
ปัจจัยที่ทำให้แซงไทยได้ และปัจจัยที่ทำให้แซงไทยไม่ได้
แซงไทยได้อาจจะมีเหตุผลมาจาก : เวียดนามมีประชากรวัยแรงงานจำนวนมาก โดยมีจำนวนคนหนุ่มสาวและวัยแรงงานมากกว่าไทยและการเปิดรับการค้าและการทำข้อตกลงทางการค้ซี่งเวียดนามมีการลงทุนที่น่าดึงดูดเนื่องจากค่าแรงที่ต่ำกว่า และนโยบายส่งเสริมการลงทุนที่น่าสนใจสำหรับนักลงทุนต่างชาติ
ปัจจัยที่ทำให้แซงไทยไม่ได้ : ความท้าทายด้านแรงงาน แม้จะมีจำนวนมาก แต่แรงงานเวียดนามบางส่วนยังขาดทักษะเฉพาะทางที่จำเป็นสำหรับอุตสาหกรรมที่ซับซ้อน
ความเสี่ยงด้านเสถียรภาพทางการเมืองและกฎหมายและปัญหาคอร์รัปชัน
การกระจายความเจริญไปยังภูมิภาคต่างๆ ยังไม่ทั่วถึง และอาจนำไปสู่ปัญหาทางสังคม รวมไปถึงข้อจำกัดด้านเงินทุนภายในประเทศ อาจะพอเป็นสาเหตุที่ทำให้แผนเวียดนามอาจจะล้ม
แต่อย่างไรก็ดีไทย ควรมีมาตรการป้องกันและรับมือ ควรระดับคุณภาพของแรงงานให้สอดคล้องกับความต้องการของอุตสาหกรรม และควรมีความร่วมกันระหว่างภาคเอกชนและภาครัฐ เพื่อสร้างผลิตภัณฑ์และบริการที่มีมูลค่าเพิ่มสูง และสร้างความแตกต่างจากการติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด ควรติดตามและวิเคราะห์แนวโน้มเศรษฐกิจของเวียดนามและภูมิภาคอย่างสม่ำเสมอ

















