‘แก๊งแม่ชีพันล้าน’ ครอบครองที่พันไร่ โกยเงินกฐินร้อยล้าน-เที่ยวหรูฉ่ำ
เมื่อวันที่ 17 พฤษภาคมที่ผ่านมา แฟนเพจชื่อดัง “CSI LA” ได้ออกมาเปิดเผยข้อมูลที่สร้างความสั่นสะเทือนต่อความเชื่อมั่นในสถาบันทางศาสนาอีกครั้ง โดยครั้งนี้เป็นการนำเสนอประเด็นเกี่ยวกับวัดแห่งหนึ่งในจังหวัดสมุทรสาคร ซึ่งมีการบริหารจัดการโดยกลุ่มแม่ชี ซึ่งถูกตั้งคำถามถึงความโปร่งใสในหลายประเด็น
จากข้อมูลที่ถูกเผยแพร่ มีข้อสังเกตที่น่าสนใจดังนี้
1. การบริหารจัดการวัดโดยไม่มีโครงสร้างตรวจสอบ
แม่ชีสองพี่น้องเป็นผู้ดูแลวัดแต่เพียงผู้เดียว โดยปราศจากไวยาวัจกร กรรมการวัด มัคนายก หรือหน่วยงานภายนอกที่ทำหน้าที่คานอำนาจการบริหาร ส่งผลให้วัดมีลักษณะคล้ายกับการเป็นกิจการส่วนบุคคลมากกว่าการเป็นสถานที่ทางศาสนา
2. การถือครองที่ดินโดยบุคคล ไม่ใช่นิติบุคคลทางศาสนา
มีการระบุว่าที่ดินนับพันไร่ซึ่งเดิมควรเป็นทรัพย์สินของวัด กลับอยู่ในชื่อของแม่ชีบางท่าน ซึ่งอาจเข้าข่ายการ “ถือครองแทน” หรือมีการใช้ชื่อวัดเป็นฉากหน้าเพื่อวัตถุประสงค์อื่น อันควรแก่การตรวจสอบทางกฎหมาย
3. ยอดเงินกฐินปีละเกือบ 100 ล้านบาท
รายชื่อผู้บริจาคจำนวนมากเป็นบุคคลซ้ำ ๆ โดยเฉพาะกลุ่มแม่ชีและผู้เกี่ยวข้องกับวัด ที่ไม่มีหลักฐานแสดงรายได้หรือประกอบอาชีพชัดเจน แต่กลับสามารถบริจาคเงินจำนวนมากได้ทุกปี เป็นข้อสังเกตที่อาจเกี่ยวโยงกับการฟอกเงินหรือการจัดการทางการเงินที่ไม่โปร่งใส ซึ่งหน่วยงานอย่าง ปปง. ควรเข้าไปตรวจสอบอย่างเร่งด่วน
4. ระบบรางวัลและทริปหรูให้กับผู้บริหารการเงินภายในวัด
มีรายงานว่ามีการให้โบนัสพิเศษแก่แม่ชีที่สามารถระดมทุนได้มาก ด้วยการพาไปพักผ่อนที่รีสอร์ทหรู พร้อมทั้งแต่งกายด้วยเครื่องแต่งกายแฟชั่น สนุกสนานเกินวิถีแห่งนักบวช ซึ่งอาจกระทบต่อภาพลักษณ์ของพระพุทธศาสนา
คำถามสำคัญที่ตามมาคือ
“สถานที่แห่งนี้ยังถือเป็นวัดและสถานปฏิบัติธรรมตามหลักพระพุทธศาสนาอยู่หรือไม่ หรือได้กลายเป็นกิจการส่วนตัวของกลุ่มบุคคลใดบุคคลหนึ่งไปแล้ว?”
ด้วยเหตุนี้ ผู้เขียนขอเรียกร้องให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง อาทิ สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) และกรมสอบสวนคดีพิเศษ (DSI) เข้าตรวจสอบข้อเท็จจริงอย่างเร่งด่วน เพื่อปกป้องความศรัทธาของประชาชน และรักษาความมั่นคงของศาสนาให้คงอยู่ด้วยความบริสุทธิ์และโปร่งใส


















