นางงามสุดทน! แจ้งจับ 3 ผู้จัด บิดเงินรางวัลหายวับไม่เหลือซักบาท
สาวภูเก็ตสุดช้ำ! แจ้งความเอาผิด 3 ผู้จัดประกวด Miss Diamond Thai Silk 2025 หนีหาย-บล็อกหนี หลังเบี้ยวเงินรางวัล
ในยุคที่การประกวดนางงามยังคงเป็นพื้นที่แห่งความฝันของหญิงสาวหลายคนทั่วประเทศ การทุ่มเทแรงกายแรงใจเพื่อแสดงศักยภาพและความสามารถอย่างสุดความสามารถบนเวที กลับกลายเป็นฝันร้าย เมื่อผู้จัดงานที่ควรเป็นผู้ส่งเสริมกลับกลายเป็นบุคคลที่สร้างความเสียหายและความผิดหวังอย่างใหญ่หลวง
ล่าสุด เกิดเหตุการณ์สะเทือนวงการประกวดนางงามขึ้นที่จังหวัดภูเก็ต เมื่อหญิงสาววัย 23 ปี ซึ่งขอสงวนชื่อ ใช้นามสมมติว่า “น.ส.เอ” ชาวตำบลวิชิต อำเภอเมืองภูเก็ต ได้เดินทางเข้าแจ้งความกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เมืองภูเก็ต โดยพบกับ พ.ต.ต.วิชิต นกแก้ว พนักงานสอบสวน เพื่อร้องทุกข์ดำเนินคดีกับกลุ่มผู้จัดการงานประกวด Miss Diamond Thai Silk 2025 ซึ่งประกอบด้วยบุคคล 3 ราย คือ “อ้อม”, “จอย” และ “แตน” ฐานหนีหายไม่ยอมจ่ายเงินรางวัลหลังจบงาน ทั้งยังบล็อกการติดต่อทุกช่องทาง
เหตุการณ์เริ่มต้นจากความฝัน
น.ส.เอ เปิดเผยว่า ตนได้สมัครเข้าร่วมการประกวด Miss Diamond Thai Silk 2025 ผ่านทางเพจเฟซบุ๊กของงานดังกล่าว โดยมีการเก็บค่าสมัครจำนวน 1,000 บาท และผู้จัด 3 รายข้างต้นเป็นผู้ดูแลดำเนินการ ตนให้ความสนใจและตัดสินใจสมัครเข้าร่วม พร้อมฝึกฝนตัวเองอย่างเต็มที่ เนื่องจากมองว่าเป็นเวทีที่จะช่วยผลักดันชื่อเสียงและโอกาสในวงการนางงาม
การแข่งขันมีกำหนดจัดขึ้นในวันที่ 17 พฤษภาคม 2568 ณ ตำบลเกาะแก้ว อำเภอเมืองภูเก็ต จังหวัดภูเก็ต ซึ่งบรรยากาศภายในงานมีความคึกคัก และมีการจัดกิจกรรมอย่างเป็นทางการ ตนสามารถคว้ารางวัลอันดับที่ 5 และตำแหน่งขวัญใจมหาชนมาได้ ท่ามกลางความยินดีของเพื่อนๆ และครอบครัวที่มาร่วมเชียร์
จากความดีใจสู่ความผิดหวัง
ทว่า ความยินดีที่ได้รางวัลกลับกลายเป็นความเศร้าอย่างรวดเร็ว เมื่อหลังจบงาน ผู้จัดทั้งสามคนกลับหายตัวไปอย่างไร้ร่องรอย ไม่มีการเรียกผู้ได้รับรางวัลขึ้นรับเงิน ไม่มีแม้กระทั่งการประกาศต่อหน้าสื่อหรือผู้ชมถึงผลการประกวดอย่างเป็นทางการ น.ส.เอ เล่าว่า เมื่อเธอลงจากเวทีและพยายามติดต่อผู้จัดงานเพื่อสอบถามเรื่องการรับเงินรางวัลจำนวน 10,000 บาท กลับไม่สามารถติดต่อได้ ไม่ว่าจะผ่านเบอร์โทรศัพท์ หรือเพจเฟซบุ๊กของงาน ทั้งยังถูกบล็อกทันที ทำให้เธอหมดหนทางในการติดต่อสอบถาม หรือทวงสิทธิ์ของตนเองกลับคืนมา
“มันน่าเจ็บใจมากค่ะ หนูอุตส่าห์ฝึกซ้อม เดินแบบ เตรียมชุด หัดตอบคำถาม เสียเงินสมัคร เสียเวลา เสียค่าเดินทาง แต่สุดท้ายกลับถูกหลอกให้ขึ้นเวทีเพื่ออะไร? พอได้รางวัลก็ไม่ยอมจ่ายเงิน แล้วทำแบบนี้กับผู้เข้าประกวดอีกหลายคนด้วย” น.ส.เอ กล่าวด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ
ข้อมูลในเพจถูกลบหมด เกลี้ยงเหมือนไม่เคยมีงาน
เมื่อผู้สื่อข่าวตรวจสอบเพจ “Miss Diamond Thai Silk” ซึ่งเป็นช่องทางที่ใช้ในการประชาสัมพันธ์และรับสมัครผู้เข้าประกวด พบว่า ขณะนี้เพจดังกล่าวได้ลบข้อมูลเกี่ยวกับงานประกวดทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นภาพกิจกรรม โพสต์การรับสมัคร หรือแม้กระทั่งรายละเอียดเกี่ยวกับรางวัลและผู้สนับสนุน จนกลายเป็นเพจร้างที่ไม่มีความเคลื่อนไหวใด ๆ เหลืออยู่
การกระทำดังกล่าว ยิ่งตอกย้ำความน่าสงสัยของผู้จัดงานทั้งสามคน ซึ่งอาจมีเจตนาแอบแฝงในการจัดงานเพื่อหาผลประโยชน์ โดยไม่ยึดหลักความยุติธรรมและความซื่อสัตย์กับผู้เข้าประกวดแต่อย่างใด
เงินรางวัลและรายได้มหาศาลที่ผู้จัดอาจได้รับ
ตามรายงานของ น.ส.เอ ในงานมีการเก็บค่าสมัครจากผู้เข้าประกวดคนละ 1,000 บาท โดยมีผู้สมัครจำนวนมาก นอกจากนี้ยังมีการขายบัตรวีไอพีที่มีราคาตั้งแต่ 35,000 บาท ไปจนถึง 100,000 บาทต่อใบ ซึ่งสะท้อนว่าผู้จัดอาจได้รับรายได้จากงานนี้ในหลักแสนหรือมากกว่านั้น แต่กลับไม่มีการจ่ายเงินรางวัลให้แก่ผู้ได้รับตำแหน่งอย่างที่ควรจะเป็น
โดยรางวัลที่ประกาศไว้ก่อนการประกวด ได้แก่
รางวัลชนะเลิศ เงินสด 20,000 บาท
รองชนะเลิศอันดับ 1 เงินสด 15,000 บาท
รองชนะเลิศอันดับ 2 เงินสด 10,000 บาท
รางวัลชมเชย 5,000 บาท
รางวัลขวัญใจมหาชน พร้อมสายสะพาย
แต่ท้ายที่สุดแล้ว ไม่มีผู้เข้าประกวดคนใดได้รับเงินรางวัลตามที่ประกาศไว้ ซึ่งถือเป็นการละเมิดสิทธิอย่างร้ายแรง และอาจเข้าข่ายฉ้อโกง
การแจ้งความเป็นเพียงจุดเริ่มต้นของการทวงคืนความยุติธรรม
น.ส.เอ กล่าวว่า หลังจากเกิดเหตุการณ์ดังกล่าวและไม่สามารถติดต่อผู้จัดได้ จึงตัดสินใจเดินทางเข้าแจ้งความที่ สภ.เมืองภูเก็ต เพื่อบันทึกไว้เป็นหลักฐาน และขอให้เจ้าหน้าที่ตำรวจดำเนินการสืบสวนติดตามกลุ่มผู้จัดงานทั้งสามคนมารับผิดชอบต่อการกระทำของตน
“หนูไม่ได้อยากเอาผิดเพื่อแก้แค้น แต่อยากให้เขารับผิดชอบ และไม่ไปหลอกคนอื่นอีก เพราะคนที่เข้าแข่งขันทุกคนตั้งใจและมีความฝัน แต่สุดท้ายกลับต้องมาเสียความรู้สึกแบบนี้ มันไม่แฟร์เลยค่ะ” น.ส.เอ กล่าว
บทเรียนราคาแพงกับคำถามถึงความปลอดภัยของเวทีประกวดนางงาม
เหตุการณ์นี้กลายเป็นบทเรียนสำคัญต่อวงการการประกวดนางงามในระดับท้องถิ่นและระดับประเทศ ว่าในยุคที่ใครก็สามารถเปิดเวทีได้ผ่านโลกออนไลน์ ผู้สมัครควรต้องพิจารณาให้รอบคอบ ตรวจสอบประวัติของผู้จัดงาน และขอดูหลักฐานความน่าเชื่อถืออย่างรอบด้าน ไม่เช่นนั้นอาจตกเป็นเหยื่อของกลุ่มมิจฉาชีพที่แอบแฝงมากับความฝันของผู้หญิงจำนวนมาก
ในขณะเดียวกัน ภาครัฐและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องควรเร่งจัดระเบียบเวทีการประกวดต่าง ๆ ให้มีใบอนุญาตชัดเจน มีการตรวจสอบความถูกต้อง และมีหลักเกณฑ์การดำเนินงานที่โปร่งใส เพื่อคุ้มครองผู้เข้าแข่งขันและสร้างมาตรฐานใหม่ให้กับวงการนางงามไทย
ทั้งนี้ ขณะนี้อยู่ระหว่างการสอบสวนของเจ้าหน้าที่ตำรวจ และหากมีความคืบหน้าใด ๆ เพิ่มเติมเกี่ยวกับการดำเนินคดี หรือการจับกุมผู้กระทำความผิด ทีมข่าวจะรายงานให้ทราบอย่างใกล้ชิด เพื่อเป็นอุทาหรณ์และเครื่องเตือนใจให้กับผู้ที่มีความฝันในเส้นทางนางงามในอนาคต

















