เปิดชื่อพระใหม่! “พระราชวชิรสุตาภรณ์” ขึ้นรักษาการแทน “ทิดแย้ม”
สังคมสั่นสะเทือน! แต่งตั้ง “พระราชวชิรสุตาภรณ์” รักษาการเจ้าอาวาสวัดไร่ขิง หลังอดีตเจ้าอาวาสถูกกล่าวหายักยอกเงินกว่า 300 ล้านบาท
กลายเป็นข่าวใหญ่สะเทือนวงการพระพุทธศาสนาไทยอย่างรุนแรง เมื่อ “วัดไร่ขิง” หนึ่งในวัดชื่อดังและมีศรัทธามหาชนอย่างล้นหลามในจังหวัดนครปฐม ต้องเผชิญกับมรสุมทางศีลธรรมและความโปร่งใส หลังจากมีการเปิดเผยข้อกล่าวหา “อดีตพระธรรมวชิรานุวัตร” หรือที่ปัจจุบันสื่อเรียกขานว่า “ทิดแย้ม” อดีตเจ้าอาวาสวัดไร่ขิง และอดีตเจ้าคณะภาค 14 มีส่วนเกี่ยวข้องกับการยักยอกเงินวัดจำนวนมหาศาลกว่า 300 ล้านบาท โดยมีพฤติกรรมพัวพันกับการพนัน
ตั้งพระราชวชิรสุตาภรณ์ เป็นผู้รักษาการเจ้าอาวาสวัดไร่ขิง
เมื่อเรื่องราวถูกเปิดเผยและกลายเป็นที่วิพากษ์วิจารณ์อย่างกว้างขวางในสังคม ล่าสุดสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ (พศ.) ได้ออกมาเคลื่อนไหวอย่างเป็นทางการ โดยนายอินทพร จั่นเอี่ยม ผู้อำนวยการ พศ. ได้เปิดเผยว่า เพื่อความสงบเรียบร้อยของวัด และการบริหารกิจการสงฆ์ให้ดำเนินต่อไปได้อย่างเป็นระบบ ขณะนี้ได้มีการแต่งตั้ง “พระราชวชิรสุตาภรณ์” เจ้าคณะจังหวัดนครปฐม ขึ้นเป็น ผู้รักษาการแทนเจ้าอาวาสวัดไร่ขิง อย่างเป็นทางการ
การแต่งตั้งครั้งนี้ถือเป็นการส่งสัญญาณถึงความจริงจังของหน่วยงานด้านพระพุทธศาสนา ที่ต้องการฟื้นฟูความเชื่อมั่นของประชาชนต่อวัดและพระภิกษุสงฆ์ในประเทศไทย โดยเฉพาะในกรณีที่เป็นประเด็นเกี่ยวข้องกับศรัทธา การเงิน และความโปร่งใสในการบริหารงานวัด
เปิดยอดรายรับวัดไร่ขิงปี 2567 – สูงถึง 70 ล้านบาท
ท่ามกลางกระแสสังคมที่กำลังจับตา พศ. ยังได้ส่งเจ้าหน้าที่ลงพื้นที่ร่วมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจเพื่อดำเนินการตรวจสอบ “บัญชีทรัพย์สิน” และ รายรับ-รายจ่ายของวัดไร่ขิงอย่างละเอียด ซึ่งถือเป็นหนึ่งในมาตรการเร่งด่วนที่ต้องทำทันที เพื่อรักษาผลประโยชน์ของประชาชนผู้บริจาคเงินทำบุญ และป้องกันไม่ให้เหตุการณ์ในลักษณะเดียวกันนี้เกิดซ้ำ
จากข้อมูลเบื้องต้นที่ได้จากการตรวจสอบ พบว่าในปีงบประมาณ พ.ศ. 2567 วัดไร่ขิงมีรายรับรวม ประมาณ 70 ล้านบาท ซึ่งเป็นตัวเลขที่สูงมากสำหรับวัดในประเทศไทย การที่มีรายได้ในระดับนี้ ยิ่งสะท้อนให้เห็นถึงความจำเป็นที่ต้องมีระบบตรวจสอบและบริหารจัดการอย่างโปร่งใส และมีธรรมาภิบาลสูงสุด เพื่อป้องกันการนำเงินไปใช้ในทางที่ผิดเหมือนกรณีอดีตเจ้าอาวาสที่กำลังเป็นประเด็นอยู่ในขณะนี้
สั่ง พศ. ปรับระเบียบการเงินวัดให้เข้มงวด – เตรียมหารือมหาเถรสมาคม
ต่อเนื่องจากกรณีดังกล่าว นายชูศักดิ์ ศิรินิล รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ได้สั่งการให้สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ หาแนวทางในการออกระเบียบ เพื่อควบคุม ดูแล และตรวจสอบการใช้จ่ายเงินภายในวัดทั่วประเทศอย่างเคร่งครัด
โดยนายอินทพร จั่นเอี่ยม ระบุว่า พศ. เตรียมจะนำกรณีของวัดไร่ขิงไปเป็น “ต้นแบบกรณีศึกษา” เพื่อนำเข้าสู่การพิจารณาในที่ประชุม มหาเถรสมาคม ในวันที่ 20 พฤษภาคมนี้ ซึ่งจะหารือเรื่องการ ออกระเบียบควบคุมรายรับรายจ่ายของวัดให้รัดกุมยิ่งขึ้น พร้อมเสนอแนวทางในการจัดทำระบบรายงานบัญชีให้ทันสมัยและตรวจสอบได้แบบเรียลไทม์
นอกจากนี้ ยังจะเสนอให้มีบทลงโทษอย่างชัดเจนในกรณีที่มีการทุจริตหรือยักยอกทรัพย์ของวัด ซึ่งเดิมทีถือว่าเป็นเรื่องที่ยากต่อการเอาผิด เพราะไม่มีระเบียบหรือกฎหมายรองรับที่ชัดเจนเท่ากับองค์กรของรัฐทั่วไป
ศรัทธาคือพลัง แต่ความโปร่งใสคือรากฐาน
กรณีของวัดไร่ขิงในครั้งนี้ ถือเป็นบทเรียนครั้งสำคัญของวงการสงฆ์และหน่วยงานด้านศาสนาในประเทศไทย ที่จะต้องหันกลับมาทบทวนเรื่อง “ธรรมาภิบาลทางการเงิน” อย่างจริงจัง เพราะเงินทำบุญที่มาจากแรงศรัทธาของประชาชนจำนวนมากนั้น ควรถูกใช้เพื่อกิจกรรมทางพระพุทธศาสนาโดยแท้จริง ไม่ใช่กลายเป็นเครื่องมือหาผลประโยชน์ส่วนตน
การแต่งตั้งพระราชวชิรสุตาภรณ์มารักษาการตำแหน่งเจ้าอาวาสในครั้งนี้ จึงนับเป็น “การเริ่มต้นใหม่” ที่สำคัญของวัดไร่ขิง และเป็นสัญลักษณ์ที่บ่งบอกถึงความหวังว่า ศรัทธาของประชาชนจะกลับคืนมาได้ หากวัดและพระสงฆ์สามารถยืนหยัดบนหลักธรรมและความโปร่งใสได้อย่างแท้จริง
วิกฤติหรือโอกาสของพระพุทธศาสนาไทย?
ในมุมมองของสังคม กรณีนี้อาจถูกมองว่าเป็น “วิกฤติศรัทธา” แต่ในอีกด้านหนึ่ง หากทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง ทั้ง พศ. มหาเถรสมาคม และวัดต่าง ๆ ทั่วประเทศ สามารถใช้เหตุการณ์นี้เป็นจุดเริ่มต้นของการ “ยกระดับระบบบริหารจัดการทางการเงิน” ให้มีมาตรฐานและตรวจสอบได้ ก็อาจเป็น “โอกาสทอง” ที่จะช่วยปฏิรูปพระพุทธศาสนาไทยให้เข้มแข็ง โปร่งใส และได้รับความศรัทธาจากประชาชนอย่างมั่นคงยิ่งขึ้น

















