ไม่รอด! “ต้นอ้อ เป็นหนึ่ง” โดนศาลสั่งจำคุกทันที ไม่ให้รอลงอาญา
ดราม่าระอุ! ศาลพิพากษาจำคุก "ต้นอ้อ เป็นหนึ่ง" 24 เดือน ไม่รอลงอาญา คดีทนายธรรมราช – เจ้าตัวยันยังไม่ถูกจองจำ ยื่นอุทธรณ์สู้ต่อ
กลายเป็นประเด็นร้อนในวงการกฎหมายและโลกออนไลน์อีกครั้ง เมื่อศาลจังหวัดสระแก้วมีคำพิพากษาจำคุก “ต้นอ้อ เป็นหนึ่ง” เป็นระยะเวลา 24 เดือน โดยไม่รอลงอาญา ในคดีความเกี่ยวกับ พ.ร.บ. คอมพิวเตอร์ มาตรา 16 และคดีหมิ่นประมาทโดยการโฆษณา ซึ่งถูกยื่นฟ้องโดย “ทนายธรรมราช สาระปัญญา” นักกฎหมายชื่อดังที่มีบทบาทในหลายคดีสาธารณะ
ข่าวนี้ถูกเปิดเผยผ่านโพสต์เฟซบุ๊กของทนายธรรมราชเอง โดยมีข้อความว่า
“#ข่าวด่วนวันนี้ ศาลจ.สระแก้ว พิพากษาจําคุกต้นอ้อ เป็นหนึ่ง โดยไม่รอการลงโทษ โทษจำคุก 24 เดือนไม่รอลงอาญากับการกระทำความผิด 4 กรรม พ.ร.บ.คอม มาตรา 16 ถือว่าเบานะครับ ถ้าสู้ชั้นอุทธรณ์ไม่รอก็เข้าเรือนจำนะ”
คำพิพากษานี้ทำให้เกิดเสียงวิพากษ์วิจารณ์ในสังคมออนไลน์อย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะในกลุ่มผู้ติดตามข่าวสารด้านสิทธิเสรีภาพในการแสดงออก และการใช้สื่อโซเชียลมีเดียในชีวิตประจำวัน
ประเด็นของคดี: ข้อกล่าวหาจากการโพสต์-แถลงข่าว
คดีดังกล่าวเริ่มต้นจากกรณีที่ “ต้นอ้อ เป็นหนึ่ง” ซึ่งเป็นที่รู้จักในฐานะประธานมูลนิธิสตรี และยังเคยมีส่วนเกี่ยวข้องกับการเคลื่อนไหวทางสังคม ได้จัดแถลงข่าวร่วมกับ “อี้ แทนคุณ” อดีตนักการเมือง ในลักษณะที่มีเนื้อหากล่าวหาทนายธรรมราชเกี่ยวกับการนำรถยนต์ดูคาติของลูกความไปใช้ส่วนตัว ซึ่งทนายธรรมราชยืนยันว่ามีการทำบันทึกข้อตกลงอย่างเป็นทางการทุกขั้นตอน แต่กลับถูกนำเสนอในลักษณะบิดเบือน จนสร้างความเสื่อมเสียชื่อเสียง
นอกจากการแถลงข่าวแล้ว ยังมีการกล่าวหาว่า “ต้นอ้อ” ได้โพสต์ข้อความลงในโซเชียลมีเดียที่เข้าข่ายหมิ่นประมาทและละเมิด พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ฯ โดยเฉพาะมาตรา 16 ที่เกี่ยวกับการนำเข้าข้อมูลอันเป็นเท็จสู่ระบบคอมพิวเตอร์ ซึ่งอาจทำให้บุคคลอื่นเสียหายหรือเกิดความเข้าใจผิดในวงกว้าง
คำพิพากษาศาลจังหวัดสระแก้ว
ศาลจังหวัดสระแก้วได้มีการพิจารณาคดี และมีคำพิพากษาจำคุก “ต้นอ้อ เป็นหนึ่ง” รวม 24 เดือน ไม่รอลงอาญา โดยพิจารณาว่าความผิดที่เกิดขึ้นมีความชัดเจน และส่งผลกระทบต่อชื่อเสียงของผู้เสียหายในวงกว้าง ประกอบกับลักษณะการกระทำผิดมีการเผยแพร่ต่อสาธารณชน
แม้จะถูกลงโทษจำคุกในส่วนของความผิดตาม พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ฯ แต่ในคดีหมิ่นประมาทโดยการโฆษณาจำนวน 2 กรรม และอีก 1 กรรมที่เกี่ยวข้องกับ PDPA ศาลมีคำสั่ง “ยกฟ้อง” ด้วยเหตุผลตามดุลยพินิจของศาล ซึ่งถือเป็นส่วนหนึ่งที่ลดโทษของจำเลยลงบางส่วน
ต้นอ้อเปิดใจหลังศาลตัดสิน – ยังไม่ถูกจองจำ
หลังคำพิพากษาออกมา “ต้นอ้อ เป็นหนึ่ง” ได้เคลื่อนไหวผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว โดยระบุข้อความว่า
“หลังจากที่มีคนเป็นห่วงและสอบถามมาเยอะมากในเรื่องของคดีของทนายธรรมราช วันนี้ศาลตัดสินแล้วค่ะ... เค้าฟ้องอ้อมา 3 ข้อหา
1. หมิ่นประมาทโดยการโฆษณา 2 กรรม ข้อหานี้ศาลยก
2. PDPA 1 กรรม ศาลยก
3. พ.ร.บ.คอมฯ ศาลลงโทษค่ะ แต่ประกันตัวและอุทธรณ์สู้คดีต่อค่ะ
คดีมีเท่านี้ค่ะ ขอบคุณทุกคนที่เป็นห่วงนะคะ ตอนนี้นั่งกินข้าวกันกับเพื่อน ไม่ได้ถูกจองจำแต่อย่างใดจ้า”
จากข้อความดังกล่าวยืนยันว่าเธอไม่ได้ถูกควบคุมตัวตามคำพิพากษาทันที เนื่องจากมีการยื่นประกันตัวและดำเนินการขออุทธรณ์ในชั้นศาลต่อไป ซึ่งในกระบวนการกฎหมายไทย ผู้ต้องโทษที่ไม่ถูกควบคุมตัวทันทีสามารถยื่นคำร้องเพื่อขอสู้คดีต่อในศาลชั้นอุทธรณ์ได้
ทนายธรรมราชยังไม่หยุดเคลื่อนไหว – อาจมีการฟ้องเพิ่ม
ย้อนกลับไปเมื่อวันที่ 10 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา ทนายธรรมราชได้ออกมายืนยันชัดเจนว่า คดีที่เกิดขึ้นนี้จะไม่มีการยอมความ และอาจมีการฟ้องเพิ่มเติมในกรณีที่มีการโพสต์ข่มขู่ผ่านเฟซบุ๊ก ซึ่งเขามองว่าเป็นพฤติกรรมที่ทำให้รู้สึกไม่ปลอดภัยและหวาดกลัวในการไปศาล
นอกจากนี้ ยังมีอีกหนึ่งกรณีที่กำลังพิจารณาว่าจะดำเนินคดีเพิ่มเติม คือกรณีที่ต้นอ้อได้ไปออกรายการโทรทัศน์ชื่อดัง ซึ่งในช่วง “นินทา 2 ซม. 7 นาที” มีการพูดถึงทนายธรรมราชในลักษณะที่อาจเข้าข่ายหมิ่นประมาท ทำให้เกิดความเสียหายต่อชื่อเสียงในวงกว้าง ซึ่งทีมทนายความกำลังรวบรวมพยานหลักฐานเพื่อพิจารณาทางกฎหมาย
ประเด็นที่สังคมตั้งคำถาม: สิทธิในการวิจารณ์ VS การหมิ่นประมาท
แม้ว่าคดีนี้จะอยู่ในขอบเขตของกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับ พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ฯ และหมิ่นประมาท แต่ก็ทำให้เกิดการถกเถียงในหมู่ประชาชนและนักสิทธิมนุษยชน ว่าขอบเขตของ “เสรีภาพในการแสดงออก” ควรอยู่ที่จุดใด โดยเฉพาะในยุคที่ข้อมูลข่าวสารไหลเวียนรวดเร็วผ่านโซเชียลมีเดีย และผู้คนสามารถเผยแพร่ความคิดเห็นได้ง่ายดาย
คำถามสำคัญคือ เมื่อการแสดงความเห็นหรือวิจารณ์ถูกตีความว่าเป็นการหมิ่นประมาท ความแตกต่างของ "ความคิดเห็นส่วนตัว" กับ "การกล่าวหาที่สร้างความเสียหาย" จะถูกแยกแยะอย่างไรในทางกฎหมาย?
คดีนี้ยังไม่จบ – ความยุติธรรมต้องพิสูจน์ในชั้นอุทธรณ์
แม้จะมีคำพิพากษาในชั้นต้นแล้ว แต่คดีนี้ยังไม่ถือว่าสิ้นสุด เพราะ “ต้นอ้อ เป็นหนึ่ง” ได้ยื่นอุทธรณ์ต่อสู้คดีตามสิทธิของจำเลย ซึ่งต้องรอติดตามต่อว่าในศาลอุทธรณ์นั้นจะมีการพิจารณากลับคำพิพากษาหรือไม่ ขณะที่ฝ่ายทนายธรรมราชก็ยังคงยืนยันจะดำเนินคดีอย่างถึงที่สุด เพื่อพิทักษ์สิทธิของตนเอง
ในระหว่างนี้ ประชาชนยังคงจับตาดูพัฒนาการของคดีอย่างใกล้ชิด เพราะเรื่องนี้ไม่ใช่แค่คดีความระหว่างบุคคลสองฝ่ายเท่านั้น แต่ยังสะท้อนให้เห็นถึงประเด็นใหญ่ระดับสังคม ทั้งเรื่องเสรีภาพในการแสดงออก การใช้สื่อโซเชียล และการปกป้องชื่อเสียงของบุคคลในยุคดิจิทัล













