เปิดรายได้ครอบครัว “กำเงิน-คลิปลับ” ไม่ธรรมดา! อาจฟันถึงหลักแสนต่อเดือน
เปิดรายได้ “ครอบครัวกำเงิน” จากคลิปลับ-ค่าสมาชิก-งานรีวิว คาดแตะหลักแสนต่อเดือน ท่ามกลางเสียงวิจารณ์ลั่นโซเชียล
จากกระแสร้อนแรงในโลกโซเชียลที่ทำให้ผู้คนจำนวนมากทั้งตกตะลึงและตั้งคำถามตามมามากมาย หลังเพจเฟซบุ๊กชื่อดัง “ท่านเปา” ได้ออกมาเปิดเผยเรื่องราวของ “ครอบครัวกำาเงิน” ที่สร้างความสั่นสะเทือนในสังคมไทย เมื่อพบว่าทั้งครอบครัวมีพฤติกรรมเปิดกลุ่มลับเพื่อจำหน่ายคลิปวาบหวิว โดยมีสมาชิกภายในครอบครัวเข้าร่วมดำเนินการด้วย สร้างความตกใจและไม่พอใจแก่ชาวเน็ตจำนวนมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อพบว่าเด็กในครอบครัวบางคนยังไม่บรรลุนิติภาวะ
ปูมหลังครอบครัวกำาเงิน - ชีวิตที่ไม่ได้เลือกเกิด แต่เลือกเดินทางเอง
ข้อมูลจากเพจ “ท่านเปา” ระบุว่าแม่ของครอบครัวกำาเงินอายุเพียง 34 ปี มีลูกถึง 9 คน โดยลูกคนเล็กสุดมีอายุเพียง 10 ขวบ ขณะที่พี่น้องในครอบครัวบางคนได้ร่วมมือกันจัดทำกลุ่มลับเพื่อขายคลิปแนว 18+ ผ่านช่องทางออนไลน์ต่าง ๆ ซึ่งก่อนหน้านี้กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) สาขาน่านได้ลงพื้นที่ตรวจสอบและพยายามให้ความช่วยเหลือ แต่ไม่ประสบผล ครอบครัวยังคงเดินหน้าทำพฤติกรรมดังกล่าวอย่างต่อเนื่อง อีกทั้งยังมีท่าทีไม่สะทกสะท้าน พร้อมจะไล่ฟ้องผู้ที่ออกมาแฉหรือวิพากษ์วิจารณ์
เปิดรายได้จากกลุ่มลับ – โซเชียลแห่ตั้งคำถาม “คุ้มจริงหรือ?”
ประเด็นร้อนที่หลายคนสงสัยคือ พฤติกรรมเช่นนี้สร้างรายได้มากเพียงใด ถึงขั้นไม่หวั่นเสียงสังคมและคำตักเตือนจากเจ้าหน้าที่ ซึ่งเมื่อมีการตรวจสอบข้อมูลบนแพลตฟอร์ม X (Twitter) พบว่าเพจหนึ่งที่เชื่อมโยงกับครอบครัวกำาเงินมีผู้ติดตามอยู่ราว 646 คน โดยมีการเก็บค่าสมาชิกเพื่อเข้าชมกลุ่มลับรายหัวหัวละ 100 บาทต่อเดือน เท่ากับว่าหากมีสมาชิกทั้งหมด 646 คน ครอบครัวนี้จะมีรายได้จากช่องทางนี้ประมาณ 64,600 บาทต่อเดือน
อย่างไรก็ตาม มีข้อมูลเพิ่มเติมว่าแม่กำาเงินไม่ได้มีเพียงแอคเคานต์เดียวในการเผยแพร่เนื้อหา แต่ยังมีแอคของคนในครอบครัวที่ดำเนินกิจกรรมในลักษณะเดียวกัน ซึ่งหากรวมกันแล้ว รายได้จากแพลตฟอร์มลับต่าง ๆ อาจสูงถึงหลายหมื่นบาทต่อเดือน และอาจแตะหลักแสนหากมีผู้ติดตามใหม่เข้ามาเพิ่มต่อเนื่อง
รายได้เสริมจากงานรีวิวสินค้า – แฟนคลับหลักแสนในโซเชียล
นอกเหนือจากคลิปลับ ครอบครัวกำาเงินยังใช้โซเชียลมีเดียเป็นช่องทางสร้างรายได้จากการรีวิวสินค้า ไม่ว่าจะเป็นการไลฟ์ปักตะกร้า รีวิวสินค้าแบรนด์เล็ก ๆ ไปจนถึงสินค้าแนววาบหวิว ด้วยฐานผู้ติดตามจำนวนมากที่พุ่งสูงขึ้นจากกระแสข่าว รายได้ในส่วนนี้จึงไม่ใช่น้อย หลายแบรนด์ที่หวังเกาะกระแสเพื่อยอดขายก็อาจเลือกใช้ช่องทางเหล่านี้ในการโปรโมต แม้จะเสี่ยงต่อภาพลักษณ์ของแบรนด์ก็ตาม
การคาดการณ์เบื้องต้นระบุว่า หากรวมรายได้จากค่าสมาชิกกลุ่มลับ งานรีวิวสินค้า การไลฟ์ และช่องทางอื่น ๆ ครอบครัวนี้อาจมีรายได้รวมเฉลี่ยต่อเดือนอยู่ที่ระดับ หลักแสนบาท ซึ่งกลายเป็นคำถามในสังคมว่า การทำสิ่งที่ขัดกับศีลธรรม แต่สามารถเลี้ยงครอบครัวได้อย่างมั่งคั่งนั้น “คุ้มหรือไม่?”
ต้นอ้อและเจ้าหน้าที่ลงพื้นที่ตรวจสอบ – เด็กหญิง 5 คนถูกคุ้มครองทันที
จากความเคลื่อนไหวล่าสุดเมื่อวันที่ 13 พฤษภาคม 2568 ที่ผ่านมา “ต้นอ้อ” อินฟลูเอนเซอร์คนดังในโลกโซเชียล ได้นัดหมายเจ้าหน้าที่จากบ้านพักเด็กและครอบครัวร่วมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจเพื่อเข้าตรวจสอบกรณีครอบครัวกำาเงิน โดยพบว่าในบ้านมีเด็กหญิงที่อายุต่ำกว่า 18 ปี จำนวน 5 คน ซึ่งเจ้าหน้าที่ได้ตัดสินใจดำเนินการคุ้มครองนำตัวเด็กทั้ง 5 คนเข้าบ้านพักเด็กและครอบครัวจังหวัดเพชรบูรณ์ทันที เพื่อดูแลความปลอดภัยเบื้องต้น
เบื้องต้นหลังจากเข้าคุ้มครอง เด็กทั้ง 5 คนจะถูกส่งตัวไปตรวจร่างกายที่โรงพยาบาล พร้อมกับรอผลการสืบเส้นทางการเงินและตรวจสอบคลิปที่ถูกเผยแพร่ หากพบว่าคลิปดังกล่าวมีการตัดต่อหรือไม่เกี่ยวข้องกับการละเมิด พม.จะคืนเด็กสู่ครอบครัวและเข้าไปดูแลสวัสดิภาพด้านอื่น ๆ แทน แต่หากผลการตรวจสอบพบว่ามีความผิดจริง ตำรวจจะดำเนินการตามกฎหมายในขั้นตอนต่อไป
แม่นางกำาเงินโต้กลับ โพสต์คลิปใหม่ต่อเนื่อง – สังคมเสียงแตก
แม้จะมีการตรวจสอบและคุ้มครองเด็กหญิง 5 ราย แต่สิ่งที่ทำให้โลกออนไลน์วิจารณ์หนักคือการที่แม่นางกำาเงินยังคงโพสต์คลิปใหม่ ๆ อย่างต่อเนื่อง พร้อมข้อความลักษณะท้าทาย เช่น
“ชีวิตฉันเป็นคนกำหนดเอง ขอเลือกทางเดินของตัวเอง ถ้าเลวแล้วได้ดีฉันก็ยินดีจะทำ”
“พูดเก่งไม่พอ โม๊คของเธอจนสุดจําไข่ #เด็กขอนแก่น”
“ตอนนี้ 300 ก็ไป ร้อนเงิน”
พร้อมแฮชแท็กแนบแน่นอย่าง #งานในแอคดีอยู่เด้อ
ข้อความเหล่านี้ยิ่งกระพือไฟให้สังคมตั้งคำถามถึงค่านิยม การเลี้ยงดู และบทบาทของเจ้าหน้าที่รัฐที่ควรมีบทบาทในการดูแลปัญหานี้อย่างเด็ดขาด
สังคมไทยต้องการคำตอบ - ระบบดูแลเด็กและครอบครัวต้องแข็งแรงกว่านี้
กรณีของครอบครัวกำาเงินไม่ได้เป็นเพียงข่าวดราม่าในโลกออนไลน์เท่านั้น แต่สะท้อนปัญหาลึกซึ้งทางสังคมที่ยังไม่ได้รับการแก้ไขอย่างจริงจัง ไม่ว่าจะเป็นปัญหาความยากจน การเข้าถึงการศึกษา การขาดแคลนแนวทางสร้างรายได้ที่ถูกต้อง และการใช้โซเชียลมีเดียอย่างไร้จรรยาบรรณ
คำถามสำคัญคือ สังคมไทยพร้อมหรือยังที่จะเผชิญหน้าและหาทางแก้ไขปัญหาเหล่านี้อย่างจริงจัง และเราจะช่วยให้เด็ก ๆ ในครอบครัวเช่นนี้ได้มีโอกาสเดินทางชีวิตที่ดีกว่าเดิมได้อย่างไรบ้าง








