ระวังให้ดี! กลโกงใหม่แก๊งคอลเซ็นเตอร์ ส่ง “หมายศาลปลอม” ถึงบ้าน หลอกเหยื่อจ่ายเงิน
เตือนภัย! กลโกงมิจฉาชีพยุคดิจิทัล ส่ง “หมายศาลปลอม” ถึงหน้าบ้าน หวังขู่ต้มเงิน เหยื่อสะดุ้ง นักสืบโซเชียลชี้พิรุธเพียบ พร้อมแนะแนวทางป้องกันก่อนตกเป็นเหยื่อ
ในยุคที่เทคโนโลยีและระบบดิจิทัลเจริญก้าวหน้าอย่างรวดเร็ว มิจฉาชีพเองก็ปรับตัวอย่างทันสมัยและฉลาดหลักแหลมยิ่งขึ้น จากเดิมที่เคยใช้วิธีหลอกลวงผ่านโทรศัพท์ หรือแอปพลิเคชันต่าง ๆ ก็ได้ยกระดับเป็นการส่ง “เอกสารปลอม” ถึงบ้านของเหยื่อ เพื่อสร้างความน่าเชื่อถือและแรงกดดันอย่างถึงที่สุด ล่าสุดเพจชื่อดังอย่าง Drama-addict ได้ออกมาเปิดเผยเรื่องราวอันน่าตกใจที่เกิดขึ้นกับลูกเพจรายหนึ่ง ซึ่งได้รับเอกสารที่ดูคล้าย "หมายศาล" ส่งตรงถึงบ้าน พร้อมข้อความข่มขู่ว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับคดีอาญา
แผนการซับซ้อน เลียนแบบเอกสารราชการอย่างแนบเนียน
เหตุการณ์นี้กลายเป็นที่พูดถึงอย่างมากในโลกออนไลน์ เมื่อ Drama-addict นำภาพเอกสารฉบับหนึ่งมาเปิดเผยผ่านโพสต์บนเฟซบุ๊ก ซึ่งเป็นเอกสารที่อ้างว่าออกโดย “ศาลอาญา” แต่เมื่อตรวจสอบรายละเอียดกลับพบความผิดปกติหลายจุด ไม่ว่าจะเป็นรูปแบบของเอกสารที่ดูไม่เป็นทางการ ฟอนต์ที่ใช้มีหลายชนิดปะปนกัน การจัดหน้าไม่เป็นระเบียบ รวมถึงตราประทับที่ควรจะเป็นของหน่วยงานศาล แต่กลับเป็นตราของตำรวจ
หนึ่งในคอมเมนต์ที่ได้รับความสนใจระบุว่า
“เอกสารฉบับเดียว ฟอนต์ทั้งสี่ห้าฟอนต์ จัดหน้าแบบมั่วไปหมด เห็นแล้วปวดหัว อยากเจอคนพิมพ์ จะได้ดึงหูเตือนสติให้รู้ว่าราชการไทยไม่ได้ทำงานชุ่ยแบบนี้!”
เมื่อดูเผิน ๆ เอกสารฉบับนี้อาจทำให้หลายคนเข้าใจผิดได้ง่าย โดยเฉพาะผู้สูงอายุหรือคนที่ไม่มีความรู้เกี่ยวกับระบบราชการ เพราะเอกสารระบุข้อความในลักษณะข่มขู่ เช่น “ท่านอาจถูกเรียกตัวเข้าสู่กระบวนการพิจารณาคดี หากไม่ดำเนินการตามคำแนะนำภายใน 7 วัน...” ซึ่งอาจสร้างความตื่นตระหนกให้ผู้ได้รับจนเกิดความวิตกและยินยอมติดต่อกลับไปยังเบอร์ที่แนบไว้ โดยหารู้ไม่ว่าเบอร์นั้นคือจุดเริ่มต้นของแผนหลอกลวง
ขั้นตอนต่อไปของมิจฉาชีพ: โทรตามกดดัน เพิ่มแรงจูงใจให้เหยื่อยอมจ่าย
ไม่ใช่แค่การส่งเอกสารเท่านั้น กลุ่มมิจฉาชีพเหล่านี้ยังวางแผนทำงานกันอย่างเป็นระบบ โดยหลังจากส่งเอกสารแล้ว จะมีการ “โทรติดตามผล” ในอีกไม่กี่วันถัดมา ด้วยสคริปต์ที่เตรียมมาอย่างดี โดยแสดงตัวเป็นเจ้าหน้าที่รัฐ หรือพนักงานสอบสวน พร้อมพูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง กดดันให้เหยื่อรู้สึกว่าตนเองมีความผิดจริง และจะมีปัญหาหากไม่ดำเนินการตามคำแนะนำ ซึ่งแน่นอนว่า จุดจบของแผนเหล่านี้มักพุ่งเป้าไปที่ “การโอนเงิน” เพื่อแลกกับการไม่ต้องไปขึ้นศาล หรือไม่ให้ดำเนินคดีตามที่กล่าวอ้าง
นักสืบโซเชียลจับพิรุธ ชี้ชัด: เอกสารปลอมแน่นอน
ภายหลังจากที่ Drama-addict เผยแพร่เรื่องราวนี้ ชาวโซเชียลจำนวนมากต่างเข้ามาช่วยกัน “จับพิรุธ” ของเอกสารปลอมดังกล่าวอย่างละเอียด ไม่ว่าจะเป็นคำสะกดผิด การใช้ศัพท์ราชการแบบผิด ๆ หรือแม้แต่รายละเอียดเล็กน้อยอย่างตราโลโก้ที่ไม่ตรงกับหน่วยงานที่อ้างถึง
หนึ่งในความคิดเห็นที่ได้รับการกดไลก์สูงกล่าวไว้ว่า
“ศาลอาญาไม่ส่งจดหมายถึงบ้านแบบนี้แน่นอน! ทุกขั้นตอนต้องมีเอกสารทางการและมีเจ้าหน้าที่รับผิดชอบอย่างชัดเจน ถ้าใครได้รับจดหมายอะไรแบบนี้ ให้สงสัยไว้ก่อนเลยว่า ‘ปลอม’”
คำแนะนำจากผู้รู้: วิธีสังเกตเอกสารปลอม และแนวทางรับมือ
เพื่อป้องกันไม่ให้ประชาชนตกเป็นเหยื่อของมิจฉาชีพที่ใช้วิธีหลอกลวงผ่านเอกสารปลอม ดังนี้คือข้อสังเกตสำคัญ:
1. ตราประทับต้องตรงกับหน่วยงานที่อ้างถึง – ศาลไม่ใช้ตราตำรวจ และตำรวจไม่ใช้ตราศาล
2. ฟอนต์ควรสม่ำเสมอและเป็นทางการ – เอกสารราชการจะไม่ใช้หลายฟอนต์ในแผ่นเดียว
3. ไม่มีการขู่หรือขอให้โอนเงินผ่านโทรศัพท์หรือไลน์ – หน่วยงานภาครัฐจะติดต่อผู้เกี่ยวข้องอย่างเป็นทางการเท่านั้น
4. ตรวจสอบกับหน่วยงานจริง – โทรสอบถามโดยตรงผ่านเบอร์โทรศัพท์ที่ระบุในเว็บไซต์ทางการของหน่วยงาน
5. อย่าตื่นตระหนกจนขาดสติ – มิจฉาชีพมักใช้จิตวิทยาเร่งรัดให้เหยื่อตัดสินใจโดยไม่ทันคิด
ช่องโหว่ที่สังคมควรจับตา: การรับส่งเอกสารในนามหน่วยงานรัฐ
กรณีนี้ยังสะท้อนปัญหาที่สำคัญของระบบไปรษณีย์และการส่งเอกสารของรัฐ เพราะแม้เอกสารปลอมจะถูกส่งถึงบ้าน แต่ก็ไม่มีระบบตรวจสอบผู้ส่งที่แน่ชัด ประชาชนจึงตั้งคำถามว่า "ทำไมมิจฉาชีพจึงสามารถส่งจดหมายลักษณะนี้ผ่านไปรษณีย์ได้โดยไม่มีการตรวจสอบ?"
หลายเสียงเสนอให้มีมาตรการเพิ่มเติม เช่น การให้บุคคลที่ฝากส่งเอกสารทางราชการต้องแสดงบัตรประจำตัวประชาชน หรือมีรหัสประจำหน่วยงานแนบไว้ เพื่อยืนยันว่าเป็นเอกสารแท้จากรัฐ ไม่ใช่จากมิจฉาชีพ
ต้องมีสติ-ไม่หลงเชื่อ เอกสารใด ๆ ที่ไม่ชัดเจน
ในยุคที่ภัยคุกคามออนไลน์สามารถก้าวเข้ามาถึงบ้านเราได้ทุกเมื่อ สิ่งสำคัญที่สุดคือ “สติ” และ “การตรวจสอบ” อย่าเพิ่งตื่นตกใจเมื่อได้รับเอกสารใด ๆ ที่ดูแปลกประหลาดหรือมีเนื้อหาในเชิงข่มขู่ ให้ตั้งสติ คิด วิเคราะห์ และตรวจสอบให้แน่ใจเสียก่อน หากพบสิ่งผิดปกติควรรีบแจ้งเจ้าหน้าที่หรือโพสต์แจ้งเตือนผู้อื่นผ่านโซเชียล เพื่อป้องกันไม่ให้มีเหยื่อรายต่อไป
หากทุกคนในสังคมช่วยกันระมัดระวัง ติดตามข่าวสาร และไม่หลงเชื่อสิ่งที่ดูน่ากลัวจนเกินจริง เราก็จะสามารถลดความเสียหายจากกลุ่มมิจฉาชีพที่มุ่งหวังหาผลประโยชน์จากความไม่รู้ของประชาชนได้อย่างมีประสิทธิภาพ
อ้างอิงจาก: Drama-addict





















