หลายรัฐทั่วมะกันยื่นฟ้องรัฐบาลทรัมป์หลังถูกขู่ตัดงบ
วันนี้ [ตามเวลาท้องถิ่น] รัฐในอเมริกาจำนวน 20 รัฐ ที่นำโดยพรรคเดโมแครต ได้ยื่นฟ้องต่อศาล 2 คดี เพื่อสกัดกั้นความพยายามของรัฐบาลประธานาธิบดี "โดนัลด์ ทรัมป์" ที่จะบีบให้รัฐเหล่านี้ร่วมมือกับหน่วยบังคับใช้กฎหมายคนเข้าเมือง โดยขู่ว่า "จะไม่ให้เงินช่วยเหลือหลายพันล้านดอลลาร์" ซึ่งเป็นงบสำหรับโครงการคมนาคม การต่อต้านการก่อการร้าย และ การเตรียมพร้อมรับมือเหตุฉุกเฉิน...
ในการฟ้องร้องดัะงกล่าว ยื่นต่อศาลรัฐบาลกลางในรัฐโรดไอแลนด์ รัฐต่างๆโต้แย้งว่า "กระทรวงคมนาคม และ กระทรวงความมั่นคง แห่งมาตุภูมิของอมเริกา กำลังใช้เงินทุนของรัฐบาลกลางอย่างไม่ถูกต้องตามกฎหมาย เพื่อบีบบังคับให้รัฐต่างๆ ต้องปฏิบัติตามนโยบายคนเข้าเมือง อันแข็งกร้าวของทรัมป์"
อัยการสูงสุด "ร็อบ บอนตา" รัฐแคลิฟอร์เนีย จากพรรคเดโมแครตซึ่งเป็นแกนนำ กล่าวว่า "การกระทำของทรัมป์ ถือเป็นการข่มขู่ที่ผิดกฎหมายอย่างชัดแจ้ง ที่จะระงับเงินทุนซึ่งใช้ในการปรับปรุงถนน และ เตรียมความพร้อมรับมือเหตุฉุกเฉิน หากรัฐต่างๆไม่ยอมใช้ทรัพยากรของตน สนับสนุนการบังคับใช้กฎหมายคนเข้าเมือง" และ "การที่ฝ่ายบริหารตั้งเงื่อนไข เรื่องการบังคับใช้กฎหมายคนเข้าเมือง พ่วงกับการให้เงินช่วยเหลือ ถือเป็นการก้าวก่ายอำนาจของรัฐสภา ในการอนุมัติงบประมาณ ซึ่งขัดต่อรัฐธรรมนูญ"
โฆษกกระทรวงความมั่นคงแห่งมาตุภูมิ "ทริเซีย แมคลาฟลิน" แถลงว่า "รัฐที่ขัดขวางการดำเนินการจับกุมผู้อพยพของเจ้าหน้าที่รัฐบาลกลาง ไม่ควรได้รับเงินทุนสนับสนุน" และ "นักการเมืองหัวรุนแรงที่สนับสนุนนโยบายเมือง ให้ที่พักพิงแก่พวกผู้อพยพ ควรคำนึงถึงความปลอดภัยของชาวอเมริกันเป็นอันดับแรก ไม่ใช่ผู้เข้าเมืองผิดกฎหมายที่เป็นอาชญากร..."













