เขย่าขั้ว! พรรคประชาชนชนะเลือกตั้งท้องถิ่น 2568 สะเทือนอำนาจเดิม
“พรรคประชาชน” แลนด์สไลด์ท้องถิ่น! กวาด 11 เทศบาลทั่วไทย ส่งสัญญาณคลื่นลูกใหม่ปะทะการเมืองดั้งเดิม
การเลือกตั้งท้องถิ่นเมื่อวันที่ 11 พฤษภาคม 2568 ที่ผ่านมา ถือเป็นปรากฏการณ์สำคัญทางการเมืองไทยอีกครั้งหนึ่ง โดยเฉพาะสำหรับ พรรคประชาชน ที่สามารถแจ้งเกิดในระดับรากหญ้าอย่างแท้จริง ด้วยผลการเลือกตั้ง “นายกเทศมนตรี” ทั่วประเทศที่แสดงให้เห็นถึงความเปลี่ยนแปลงของทิศทางการเมืองระดับท้องถิ่นอย่างชัดเจน
แลนด์สไลด์ท้องถิ่น! 11 แห่งทั่วประเทศภายใต้ธง “โปร่งใส – มุ่งประโยชน์ประชาชน”
แม้จะยังไม่สามารถเจาะเขตเทศบาลนครใหญ่ได้ แต่พรรคประชาชนก็สามารถคว้าชัยชนะในการเลือกตั้ง “นายกเทศมนตรี” ได้ถึง 11 แห่งทั่วประเทศ แบ่งเป็นระดับ เทศบาลเมือง 3 แห่ง และ เทศบาลตำบล 8 แห่ง ซึ่งนับว่าเป็นการแผ่ขยายอิทธิพลทางการเมืองลงสู่พื้นที่ฐานเสียงในระดับชุมชนท้องถิ่นอย่างมีนัยสำคัญ
นนทบุรี: ดินแดนต้นแบบของ “นนทบุรีต้องดีกว่านี้”
ในจังหวัดนนทบุรี ผลการเลือกตั้งได้สร้างกระแส “แลนด์สไลด์ย่อม ๆ” ให้กับพรรคประชาชน โดยสามารถคว้าชัยในระดับเทศบาลเมืองได้ถึง 2 แห่ง ได้แก่
1.นายปริญญา ศักดิ์นาวี ได้รับเลือกเป็น ว่าที่นายกเทศมนตรีเมืองบางศรีเมือง พร้อมทีมสมาชิกสภาเทศบาล (สท.) อีก 8 คน
2.นายวราช โม รัฐเสถียร ได้รับเลือกเป็น ว่าที่นายกเทศมนตรีเมืองบางกร่าง พร้อม สท. อีก 9 คน
ที่สำคัญ พรรคประชาชนยังสามารถกวาดที่นั่ง สท. ใน เทศบาลนครนนทบุรี ได้ถึง 16 คน กลายเป็นเสียงข้างมากในสภาเทศบาล ซึ่งทำให้พรรคมีบทบาทสำคัญในการกำหนดทิศทางการพัฒนาเมืองต่อไป
บางรักพัฒนา: ทีม “กำนันแรม” คว้าชัยแบบยกทีม
ในพื้นที่เทศบาลเมืองบางรักพัฒนา “กำนันแรม พิทักษ์ อยู่สุข” สามารถพาทีม สท. ชนะเลือกตั้งได้ยกทีมทั้ง 17 คน สะท้อนความเชื่อมั่นจากประชาชนในพื้นที่ต่อแนวทางการพัฒนาอย่างโปร่งใสและจริงใจ
ปทุมธานี: อีกหนึ่งฐานที่มั่นของพรรค
พันตำรวจโท มนต์พิพัฒน์ เอี่ยมจรัส คว้าตำแหน่ง “ว่าที่นายกเทศมนตรีเมืองบางคูวัด” จังหวัดปทุมธานี ชัยชนะครั้งนี้สะท้อนให้เห็นถึงศักยภาพของผู้สมัครจากพรรคที่ได้รับการยอมรับจากชาวบ้านแม้จะเป็นหน้าใหม่ในสนามการเมือง
คว้าชัยระดับ “ตำบล” 8 แห่ง กระจายทั่วประเทศ
ชัยชนะในระดับเทศบาลตำบลแสดงถึงการแทรกซึมอย่างเป็นระบบของพรรคประชาชน โดยรายชื่อผู้คว้าชัยมีดังนี้:
1. พันตรี ชนินทร พุมิเศรษฐ์ – เทศบาลตำบลเหมืองจี้ จังหวัดลำพูน
2. ณัฐพงศ์ เขียวใน – เทศบาลตำบลสุวรรณคูหา จังหวัดหนองบัวลำภู
3. จิรศักดิ์ วิชัย – เทศบาลตำบลเก่ากลอย จังหวัดหนองบัวลำภู
4. สุริยันต์ จางวางสิทธิ์ – เทศบาลตำบลสว่างดินแดน จังหวัดสกลนคร
5. บรรจง ไชยเพชร – เทศบาลตำบลหนองแคน จังหวัดมุกดาหาร
6. ทองออน สิงห์สุ – เทศบาลตำบลโพนทราย จังหวัดมุกดาหาร
7. สรรเสริญ ชลอำนวย – เทศบาลตำบลหนองตำลึง จังหวัดชลบุรี
8. จุไรวรรณ เผือกเล็ก – เทศบาลตำบลนาดี จังหวัดสมุทรสาคร
ชลบุรี – สมุทรสาคร – สมุทรปราการ: จุดกระจายพลังใหม่ของพรรคประชาชน
ที่จังหวัดชลบุรี แม้พรรคประชาชนจะส่งผู้สมัครนายกฯ 7 คน และ สท. 99 คน ใน 9 เทศบาล แต่สามารถคว้าชัยในตำแหน่งนายกได้เพียงแห่งเดียวคือ นายสรรเสริญ ชลอำนวย เทศบาลตำบลหนองตำลึง อย่างไรก็ตาม พรรคยังได้รับความไว้วางใจเลือก สท. ได้ถึง 19 คน จากหลากหลายพื้นที่ อาทิ ห้วยกะปิ, เขาซีจรรย์ และนครเจ้าพระยาสุรศักดิ์ ซึ่งแสดงถึงการเจาะกลุ่มฐานเสียงใหม่ที่กำลังเติบโต
ในจังหวัดสมุทรสาคร พรรคประชาชนแสดงความยินดีกับ นางสาวจุไรวรรณ เผือกเล็ก และทีม สท. อีก 12 คน ในตำบลนาดี พร้อมทั้ง สท. จากตำบลสวนหลวงอีก 1 คน นี่คือจุดเริ่มต้นของการสร้างเครือข่ายนักการเมืองท้องถิ่นที่ยึดโยงกับอุดมการณ์พรรคอย่างแท้จริง
ที่สมุทรปราการ ความสำเร็จของ นายอนุพนธ์ เดชวรสุทธิ (ว่าที่นายกเทศมนตรีเมืองปากน้ำ) และ นายธนาชัย เพชรบดี (ว่าที่นายกเทศมนตรีตำบลสำโรงเหนือ) เป็นตัวอย่างของการรุกคืบเข้าพื้นที่เมืองอุตสาหกรรมสำคัญของประเทศ
เสียงจากหัวหน้าพรรค: “นี่คือพลังของประชาชน”
นายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ หัวหน้าพรรคประชาชน ออกมาแถลงเมื่อวันที่ 12 พฤษภาคม 2568 ยืนยันว่า ชัยชนะในการเลือกตั้งครั้งนี้ไม่ใช่แค่จำนวนที่นั่ง แต่เป็นการส่งเสียงของประชาชนที่ต้องการการบริหารจัดการแบบใหม่ที่โปร่งใส ชัดเจน และมุ่งประโยชน์ต่อสาธารณะ
เขายังกล่าวอีกว่า พรรคพร้อมจะสร้างกลไกเชื่อมโยงการทำงานจากระดับท้องถิ่นสู่ระดับประเทศ เพื่อให้เกิด “การเปลี่ยนแปลงที่แท้จริง” โดยยึดประชาชนเป็นศูนย์กลาง
สัญญาณสั่นคลอนฐานเก่า – การแจ้งเกิดของคลื่นลูกใหม่
แม้จะยังไม่สามารถยึดฐานการเมืองในเมืองใหญ่ระดับนครได้สำเร็จ แต่การคว้าชัยใน 11 เทศบาล แสดงให้เห็นว่าพรรคประชาชนสามารถสร้าง “แรงกระเพื่อม” ที่ไปไกลกว่าภาพลักษณ์พรรคใหม่ในสนามการเมือง การรุกคืบในระดับเทศบาลเมือง – ตำบล คือการปลูกเมล็ดพันธุ์ทางอุดมการณ์ที่กำลังผลิบาน
จากชัยชนะนี้ บางฝ่ายมองว่าเป็นการส่งสัญญาณเตือนถึงพรรคการเมืองเก่าที่มีอำนาจครอบครองพื้นที่มายาวนาน เพราะหากพรรคประชาชนยังเดินหน้าด้วยกลยุทธ์แบบรุกล้ำ-รากฐานแน่นหนา โอกาสในการเติบโตระดับชาติในอนาคตก็อยู่ไม่ไกล
การเมืองใหม่ที่เริ่มจากรากหญ้า
“การเปลี่ยนแปลง” ไม่จำเป็นต้องเริ่มจากส่วนบนเสมอไป การเลือกตั้งท้องถิ่นครั้งนี้คือบทพิสูจน์ว่าพลังประชาชนเมื่อถูกปลุกขึ้นมาอย่างเข้าใจ สามารถสร้างปรากฏการณ์การเมืองรูปแบบใหม่ได้อย่างแท้จริง และหากพรรคประชาชนสามารถรักษาคำมั่นเรื่อง “โปร่งใส – เพื่อประโยชน์ประชาชน” ได้อย่างต่อเนื่อง ชื่อของพรรคนี้อาจไม่ใช่เพียงสีสันการเมืองท้องถิ่นอีกต่อไป แต่อาจเป็น “ผู้ท้าชิงอำนาจเดิม” ในเวทีการเมืองระดับประเทศในเร็ววันนี้ก็เป็นได้














