ไม่มีหนี้ vs มีหนี้แต่ลงทุน แบบไหนพาเราไปไกลกว่ากัน?
ในโลกของการเงินส่วนบุคคล “การไม่มีหนี้” มักถูกมองว่าเป็นเป้าหมายสูงสุด เพราะใคร ๆ ก็อยากมีชีวิตอิสระ ไม่ต้องคอยจ่ายค่างวด ไม่ต้องผ่อนอะไร ไม่ต้องกังวลกับดอกเบี้ย แต่ในขณะเดียวกัน ก็มีอีกแนวคิดที่ตรงข้ามอย่างสิ้นเชิง คือ “การสร้างหนี้เพื่อการลงทุน” ที่หลายคนเชื่อว่า หากใช้หนี้เป็น อาจทำให้เราเติบโตทางการเงินได้เร็วยิ่งกว่า
แล้วแบบไหนกันแน่ที่พาเราไปได้ไกลกว่า? ไม่มีหนี้เลย หรือมีหนี้แต่เอาเงินไปต่อยอด?
ไม่มีหนี้ = สบายใจ แต่โตช้า?
การไม่มีหนี้เลย แน่นอนว่าชีวิตจะเบาสบาย มีเงินเก็บเท่าไหร่ก็ใช้ได้หมด ไม่ต้องแบ่งไปจ่ายค่างวดทุกเดือน แต่สิ่งที่ตามมาคือ เงินอาจไม่ได้งอกเงย อย่างที่ควรจะเป็น เพราะเงินก้อนที่นอนนิ่งอยู่ในบัญชีออมทรัพย์ อาจได้ดอกเบี้ยเพียง 0.25% ต่อปี ซึ่งแทบไม่ทันอัตราเงินเฟ้อ
ลองนึกภาพว่า คุณมีเงินเก็บ 500,000 บาท ถ้าคุณเลือกที่จะไม่ลงทุนเลยเพื่อเลี่ยงความเสี่ยง และเก็บไว้ในบัญชีออมทรัพย์ 10 ปีผ่านไป เงินก้อนนี้แทบจะไม่ได้เพิ่มขึ้น ในขณะที่มูลค่าของเงินกลับลดลงทุกปีเพราะค่าครองชีพที่สูงขึ้น
มีหนี้แต่ลงทุน = เสี่ยงกว่า แต่โอกาสโตมากกว่า
ในอีกด้านหนึ่ง การมีหนี้แบบ “วางแผนมาแล้ว” เช่น กู้ซื้อบ้านปล่อยเช่า, กู้ซื้อรถเพื่อประกอบอาชีพ หรือแม้แต่กู้เงินเพื่อทำธุรกิจ หากเราควบคุมความเสี่ยงได้ดี และผลตอบแทนจากการลงทุนมากกว่าดอกเบี้ยที่ต้องจ่าย นี่คือ การใช้หนี้ให้ทำงานแทนเรา
ตัวอย่างเช่น:
คุณกู้ซื้อคอนโด 2 ล้านบาท ผ่อนเดือนละ 10,000 บาท แล้วปล่อยเช่าได้เดือนละ 12,000 บาท เท่ากับมีรายได้จากทรัพย์สินมากกว่าหนี้ที่ต้องจ่าย แถมยังได้ทรัพย์สินที่มีมูลค่าเพิ่มในอนาคต
อย่างไรก็ตาม การมีหนี้เพื่อการลงทุนต้องอาศัย ความรู้ ความรอบคอบ และวินัยสูงมาก เพราะถ้าคิดผิด คิดพลาด หรือประมาทเพียงนิดเดียว หนี้ก้อนเล็กอาจกลายเป็นภาระก้อนโตที่ฉุดเราลงได้เหมือนกัน
คำตอบคือ ขึ้นอยู่กับตัวเราเอง ถ้าคุณเป็นคนไม่ถนัดเรื่องการเงิน ไม่มีเวลาศึกษา และไม่อยากเสี่ยงเลย “ไม่มีหนี้” คือทางที่ปลอดภัย และช่วยให้คุณนอนหลับได้สบายทุกคืน แต่ถ้าคุณมีความรู้เรื่องการลงทุน รู้จักวางแผน มีเงินสำรอง มีเป้าหมายชัดเจน และสามารถจัดการความเสี่ยงได้ การ “มีหนี้ที่ดี” ก็อาจเป็นตัวเร่งที่พาคุณไปสู่ความมั่งคั่งได้เร็วยิ่งขึ้น เพราะสุดท้ายแล้ว ไม่ว่าคุณจะเลือกทางไหน...สิ่งสำคัญที่สุดคือ ต้องรู้ตัวเอง รู้เป้าหมาย และรู้วิธีเดินให้ถึงโดยไม่สะดุด






















