รักพังกลางทาง! ทีเคดูแลทุกอย่างหลังรู้บีเบลท้อง แต่มีเหตุให้ต้องเลิก
"ทีเค ธนกฤต" แจงดราม่า บีเบล ตั้งท้อง – ยอมรับเคยคบ ยืนยันไม่ทิ้งลูก พร้อมดูแลตามความสามารถ แต่มีเหตุจำเป็นที่ต้องเลิกรา
กลายเป็นกระแสดราม่าร้อนแรงในโลกออนไลน์ที่ถูกพูดถึงกันอย่างกว้างขวางในช่วงที่ผ่านมา สำหรับกรณีของ "ทีเค ธนกฤต" ศิลปินฝึกหัดหนุ่มจากค่ายดัง ที่ตกเป็นข่าวเกี่ยวข้องกับ "บีเบล ไอยา" ยูทูบเบอร์สาวชื่อดัง หลังฝ่ายหญิงออกมาเปิดเผยว่าเธอตั้งครรภ์และต้องกลายเป็นคุณแม่เลี้ยงเดี่ยวเพราะฝ่ายชายและครอบครัวไม่ยอมรับผิดชอบ จนเกิดกระแสวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนักในสังคม
ล่าสุด ทีเค ธนกฤต ได้ออกมาโพสต์ชี้แจงผ่านโซเชียลมีเดียส่วนตัวอย่างละเอียดถึงประเด็นที่เกิดขึ้น โดยเขาได้ระบุชัดเจนว่า มีความเข้าใจคลาดเคลื่อนหลายประการที่ควรได้รับการอธิบาย เพื่อให้ทุกฝ่ายเข้าใจสถานการณ์อย่างรอบด้าน โดยเฉพาะในเรื่องของความสัมพันธ์ระหว่างเขากับบีเบล การดูแลระหว่างตั้งครรภ์ ตลอดจนประเด็นที่ครอบครัวของฝ่ายหญิงยื่นข้อเสนอเกี่ยวกับค่าใช้จ่ายในการเลี้ยงดูลูกที่กำลังจะเกิดมา
เปิดใจความสัมพันธ์ เริ่มจากเพื่อนก่อนพัฒนาเป็นคนรัก
ทีเคเล่าถึงจุดเริ่มต้นของความสัมพันธ์ว่า เขาและบีเบลรู้จักกันในฐานะเพื่อนมานานประมาณ 1 ปี ก่อนจะพัฒนาเป็นความสัมพันธ์แบบคนรักเมื่อเดือนพฤศจิกายน ปี 2567 โดยทั้งสองใช้เวลาคบหากันในฐานะคนรักเป็นเวลา 5 เดือน ซึ่งในช่วงเวลาดังกล่าว เขายืนยันว่าได้ดูแลฝ่ายหญิงอย่างดีที่สุด ไม่เคยทอดทิ้งหรือหลบเลี่ยงความรับผิดชอบแต่อย่างใด
ยืนยันอยู่เคียงข้างตลอดช่วงตั้งครรภ์ ดูแลพาไปฝากครรภ์ อัลตราซาวด์ จ่ายเองทั้งหมด
วันที่ 17 กุมภาพันธ์ 2568 เป็นวันที่ทั้งคู่ทราบข่าวว่ากำลังจะมีลูกด้วยกัน ซึ่งจากจุดนั้น ทีเคกล่าวว่า เขาไม่ได้เพิกเฉยต่อสถานการณ์ กลับกันเขาอยู่เคียงข้างฝ่ายหญิงตลอดเวลา คอยพาไปฝากครรภ์ ตรวจเลือด ทำอัลตราซาวด์ และรับผิดชอบค่าใช้จ่ายเองทั้งหมดโดยไม่มีข้อแม้ พร้อมเสนอให้ฝ่ายหญิงเข้ามาอาศัยอยู่ที่บ้านด้วยกัน เพื่อจะได้ดูแลใกล้ชิดยิ่งขึ้น
เหตุผลการเลิกรา ไม่ได้เกิดจากการหนีปัญหา แต่เกิดจากความเห็นไม่ตรงกัน
แม้จะดูเหมือนว่าทั้งสองมีความพร้อมในการเป็นพ่อแม่มือใหม่ แต่ทีเคยอมรับตรง ๆ ว่า ในช่วง 3 เดือนที่ผ่านมา มีปัญหาเรื่องความไม่เข้าใจ และความเห็นไม่ตรงกันอยู่บ่อยครั้ง กระทั่งวันที่ 24 เมษายน ทั้งสองจึงได้ตกลงร่วมกันที่จะยุติความสัมพันธ์ โดยฝ่ายหญิงเลือกที่จะเป็นแม่เลี้ยงเดี่ยว
ทีเคกล่าวอย่างชัดเจนว่า การเลิกรานี้ไม่ได้หมายความว่าเขาไม่รับผิดชอบ และไม่ได้มีเจตนาที่จะทอดทิ้งลูก เขาได้พยายามเจรจากับฝ่ายหญิงหลายครั้งเพื่อหาข้อตกลงที่เหมาะสมในการดูแลลูกด้วยกัน แต่เมื่อไม่สามารถหาข้อสรุปได้ เขาจึงเคารพการตัดสินใจของฝ่ายหญิง
ครอบครัวฝ่ายหญิงเสนอค่าใช้จ่ายถึงจบการศึกษา – ครอบครัวทีเคเผยไม่พร้อมตอบรับในทันที
ทีเคได้เปิดเผยเพิ่มเติมว่า ครอบครัวของเขาและของฝ่ายหญิงได้พูดคุยกันตั้งแต่วันที่ 2 มีนาคม จนถึงวันที่ 5 พฤษภาคม 2568 โดยครอบครัวฝ่ายหญิงได้ส่งข้อเสนอเรื่องค่าใช้จ่ายในการเลี้ยงดูเด็กที่กำลังจะเกิดขึ้น ซึ่งครอบคลุมทั้งค่าฝากครรภ์ ค่าคลอด ค่าที่พักของแม่และลูก รวมถึงค่าเล่าเรียนจนจบการศึกษา ซึ่งเป็นจำนวนเงินค่อนข้างมาก
อย่างไรก็ตาม ทีเคอธิบายว่าตนเองไม่มีส่วนร่วมในการร่างหรือพิจารณาข้อเสนอนี้ตั้งแต่ต้น และเมื่อข้อเสนอถูกส่งมาในวันที่ 3 พฤษภาคม พร้อมกับกำหนดให้ตอบรับภายในวันที่ 5 พฤษภาคม จึงทำให้ไม่สามารถตัดสินใจรับข้อเสนอได้ทันที เนื่องจากต้องมีการปรึกษากันภายในครอบครัวให้รอบคอบเสียก่อน
ประเด็นคำพูด “ไม่มีอะไรต้องคุยแล้ว” – แจงไม่ได้หมายถึงปฏิเสธความรับผิดชอบ
อีกประเด็นที่ถูกพูดถึงอย่างกว้างขวางคือคำพูดในคลิปของบีเบลที่กล่าวว่า พ่อของทีเคตอบกลับมาว่า “ไม่มีอะไรต้องคุยแล้ว” ซึ่งทำให้หลายคนเข้าใจว่าเป็นการตัดความสัมพันธ์และไม่ยอมรับผิดชอบใด ๆ ทีเคได้ออกมาชี้แจงว่าคำพูดนี้หมายถึงการไม่สามารถตอบรับข้อเสนอที่มีเงื่อนไขและตัวเลขสูงเกินสมควรได้ในเวลาจำกัด และไม่ได้หมายความว่าจะไม่รับผิดชอบต่อเด็กแต่อย่างใด
ยืนยันจะรับผิดชอบเต็มที่ตามความสามารถ – ขอโทษที่ทำให้ผิดหวัง
ในตอนท้ายของโพสต์ ทีเค ธนกฤต ได้ยืนยันอีกครั้งว่า เขาพร้อมจะดูแลลูกน้อยที่กำลังจะเกิดมาร่วมกับฝ่ายหญิงตามความสามารถของตนเอง และจะไม่ปฏิเสธความรับผิดชอบ พร้อมขอโทษต่อทุกคนที่รู้สึกผิดหวังในตัวเขา รวมถึงฝากข้อความถึงลูกน้อยด้วยความรักว่า
"To beloved child, I want you to know that I will love you no matter what. Our family always welcomes you with open arms, can't wait to see you."
ข้อความนี้สะท้อนให้เห็นถึงความตั้งใจของทีเคในการรับผิดชอบต่อชีวิตใหม่ที่กำลังจะเกิดขึ้น แม้จะไม่มีสถานะความรักระหว่างพ่อแม่แล้วก็ตาม
แม้การออกมาชี้แจงของทีเคจะช่วยให้สาธารณชนเข้าใจสถานการณ์มากขึ้น แต่ดราม่าครั้งนี้ยังคงเป็นเรื่องที่ละเอียดอ่อน และต้องอาศัยการสื่อสารและการประสานงานที่ดีระหว่างทั้งสองครอบครัวเพื่อให้เด็กที่กำลังจะเกิดมานั้น ได้รับการเลี้ยงดูที่ดีที่สุด
ท้ายที่สุดแล้ว เรื่องราวของทีเคและบีเบลกลายเป็นกรณีศึกษาสำคัญเกี่ยวกับความรับผิดชอบของคนรุ่นใหม่ที่ต้องเผชิญกับผลของการตัดสินใจในชีวิต ซึ่งไม่ใช่แค่เรื่องของความรักหรือความสัมพันธ์ แต่เป็นเรื่องของชีวิตอีกหนึ่งชีวิตที่กำลังจะลืมตาดูโลก และควรได้รับการดูแลอย่างเต็มที่จากทั้งพ่อและแม่ ไม่ว่าจะอยู่ในสถานะใดก็ตาม






















