รัฐเล็งเก็บ VAT ธุรกิจรายได้น้อยกว่า 1.8 ล้าน หวังเพิ่มรายได้รัฐ ลดขาดดุลงบเหลือ 3.5%

รัฐบาลเล็งเก็บภาษี VAT ธุรกิจรายได้น้อยกว่า 1.8 ล้าน หวังเพิ่มรายได้รัฐ-ลดขาดดุลงบประมาณเหลือ 3.5%
วันที่ 4 พฤษภาคม 2568 นายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เปิดเผยถึงแนวทางการเพิ่มรายได้ของภาครัฐ โดยเสนอให้มีการเก็บภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT) จากธุรกิจขนาดเล็กที่มีรายได้ต่ำกว่า 1.8 ล้านบาทต่อปี ซึ่งปัจจุบันไม่อยู่ในเกณฑ์ต้องเสีย VAT
นายพิชัยระบุว่า กลุ่มธุรกิจรายย่อยจำนวนมาก โดยเฉพาะคนรุ่นใหม่ มักยื่นรายได้ต่ำกว่าเกณฑ์เพื่อหลีกเลี่ยง VAT และหักค่าใช้จ่ายแบบเหมาจ่ายได้ถึง 60% ทำให้เสียภาษีเงินได้ในอัตราต่ำ เช่น รายได้ 1.5 ล้านบาท อาจเสียภาษีเพียงหมื่นกว่าบาทต่อปี
กระทรวงการคลังจึงมีแนวคิดจะจัดเก็บ VAT แบบใหม่ในอัตราต่ำ เช่น 1% จากรายได้ทั้งหมดของธุรกิจที่มีรายได้ไม่ถึง 1.8 ล้านบาท ซึ่งคล้ายกับระบบของบางประเทศในยุโรป โดยคาดว่าจะเพิ่มรายได้เข้ารัฐได้ราว 200,000 ล้านบาทต่อปี
“หากสามารถขยายฐานภาษีมูลค่าเพิ่มได้กว้างขึ้น และนำผู้ประกอบการเข้าสู่ระบบภาษีมากขึ้น จะช่วยลดสัดส่วนการขาดดุลงบประมาณจาก 4.4% ของ GDP เหลือเพียง 3.5% หรืออาจนำรายได้ที่เพิ่มขึ้นไปใช้ในโครงการสำคัญ เช่น การบริหารจัดการน้ำ” นายพิชัยกล่าว
ทั้งนี้ นายพิชัยยอมรับว่าการลดรายจ่ายของรัฐยังเป็นเรื่องยาก เนื่องจากภาระรายจ่ายประจำ โดยเฉพาะค่าใช้จ่ายบุคลากรภาครัฐกว่า 3 ล้านคน ขณะที่การจัดเก็บรายได้ภาษีของรัฐอยู่เพียง 15.5% ของ GDP ซึ่งต่ำกว่าในอดีตที่เคยทำได้ถึง 17%
สรุปแนวทางใหม่ของรัฐดังนี้
🔸 กลุ่มเป้าหมาย ธุรกิจรายได้ น้อยกว่า 1.8 ล้านบาท/ปี
🔸 ปัจจุบัน: ไม่ต้องเสีย VAT
🔸 แนวคิดใหม่
→ เก็บ VAT พิเศษ 1% จากรายได้รวม
→ เข้าระบบมากขึ้น เพิ่มรายได้รัฐ
ผลคาดการณ์
-รายได้เพิ่ม +200,000 ล้านบาท
-ลดขาดดุลจาก 4.4% → 3.5% ของ GDP
-นำรายได้ไปลงทุนโครงการสำคัญ เช่น บริหารจัดการน้ำ
เหตุผลหลัก
- ธุรกิจขนาดเล็กมักหลีกเลี่ยง VAT โดยยื่นรายได้ต่ำ
- ระบบหักรายจ่ายแบบเหมาจ่ายทำให้ภาษีต่ำมาก
-เก็บภาษีแบบใหม่ช่วยขยายฐานภาษีอย่างยั่งยืน




