อินเดียปิดเขื่อนไม่ให้นำไหลเข้าปากีสถานแล้ว
วันนี้ [ตามเวลาท้องถิ่น] ทางการอินเดีย ได้ทำการปิดเขื่อนไม่ให้น้ำจากแม่น้ำไหลเข้าปากีสถานแล้ว ซึ่งถือว่าเป็นการเริ่มสงครามครั้งแรกของอินเดียต่อปากีสถาน หลังจากที่เกิดเหตุก่อการร้ายในแคชเมียร์ โดยกลุ่มกบฎฮูตี ที่ได้รับการสนับสนุนจากปากีสถาน ซึ่งทำให้มีผู้เสียชีวิตมากถึง 26 ราย ซึ่งส่วนใหญ่เป็นนักท่องเที่ยว
นอกจากนี้ทางการอินเดีย ยังระงับสนธิสัญญาแบ่งปันน้ำสำคัญ ในแม่น้ำสินธุต่อปากีสถานด้วย ซึ่งนั่นทำให้ทางปากีสถานออกมาข่มขู่ว่า จะยิงนิวเคลียร์ที่บรรจุสารเคมีร้ายแรงหลายชนิด
วานนี้ [ตามเวลาท้องถิ่น] เอกอัครราชทูตปากีสถาน "มูฮัมหมัด คาลิด จามาลี" ประจำรัสเซีย กล่าวเตือนว่า "ความพยายามใดๆ ที่จะแย่งชิงน้ำจากแม่น้ำสายล่าง" หรือ "หยุดยั้งหรือเปลี่ยนเส้นทางน้ำ จะเป็นการกระทำสงครามต่อปากีสถาน และ จะถูกตอบโต้ด้วยนิวเคลียร์และสงครามเต็มรูปแบบ"
สนธิสัญญาแม่น้ำสินธุ ลงนามในปี 1960 ภายใต้การอุปถัมภ์ของธนาคารโลก กำหนดการแบ่งปันระบบแม่น้ำสินธุระหว่าง 2 ประเทศที่เป็นคู่แข่งกันในภูมิภาค ซึ่งได้ทำสงครามกันมาแล้ว 4 ครั้ง รวมถึงการปะทะกันที่ชายแดนหลายครั้ง นับตั้งแต่ได้รับเอกราชจากอังกฤษในปี 1947 จนกระทั่งเมื่อไม่นานมานี้ ข้อตกลงดังกล่าวยังคงดำรงอยู่ได้ แม้ในช่วงสงคราม...
อย่างไรก็ตาม เมื่อวันพุธที่ผ่านมา [ตามเวลาท้องถิ่น] รัฐมนตรีต่างประเทศ "วิกรม มิศรี" ของอินเดีย ประกาศว่า "สนธิสัญญาดังกล่าวจะถูกระงับ จนกว่าปากีสถานจะถอนตัวออกจากการสนับสนุน การก่อการร้ายข้ามพรมแดนทั้งหมด"
ปากีสถานเป็นหนึ่งในประเทศที่ประสบปัญหา ขาดแคลนน้ำมากที่สุดแห่งหนึ่งของโลก ต้องพึ่งพาแม่น้ำสินธุเป็นอย่างมาก สำหรับการเกษตร น้ำดื่ม และ การผลิตพลังงาน ตามการประมาณการบางส่วน ที่ดินเพื่อการเกษตรของประเทศมากกว่า 80% จะได้รับผลกระทบหากอินเดียตัดแหล่งน้ำให้กับเพื่อนบ้าน โดยเฉพาะอย่างยิ่งพืชหลักอย่างข้าวสาลี ข้าว และ ฝ้าย จะได้รับผลกระทบเป็นพิเศษ
หลังจากเกิดเหตุก่อการร้ายดังกล่าว อินเดียได้ทำการขับไล่ทูตปากีสถานออกจากประเทศ และ ปิดพรมแดนทางบก รวมถึงน่านฟ้า ไม่ให้เครื่องบินของปากีสถานเข้าประเทศ โดยทางอิสลามาบัดเอง ก็ได้ตอบโต้ด้วยวิธีการเดียวกัน...







