Snow White ฉบับรีเมกเจ๊งไม่เป็นท่า! รายได้ต่ำเตี้ย ดิสนีย์ถึงกับน้ำตาซึม
Snow White ฉบับ Live Action ทำรายได้ไม่ถึงเป้า ดิสนีย์เสี่ยงขาดทุนมหาศาลจากโปรเจกต์รีบูตเทพนิยายในตำนาน
หลังจากการรอคอยอันยาวนานและกระแสดราม่าที่ถาโถมอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ก่อนการฉาย “Snow White” ฉบับ Live Action ของดิสนีย์ ซึ่งเป็นหนึ่งในโปรเจกต์รีบูตเทพนิยายระดับตำนานที่แฟน ๆ ทั่วโลกต่างตั้งความหวัง ล่าสุดก็ได้มีการสรุปรายได้ทั่วโลกของภาพยนตร์เรื่องนี้ออกมาเป็นที่เรียบร้อยแล้ว โดยตัวเลขที่เปิดเผยออกมาคือ 194 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือราว 6,984 ล้านบาท
แม้จะเป็นตัวเลขที่ดูไม่น้อยหากมองแบบผิวเผิน แต่เมื่อนำไปเทียบกับ ต้นทุนการผลิตที่ประเมินไว้ราว 240-270 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 8,640-9,720 ล้านบาท) รวมไปถึงค่าใช้จ่ายด้านการตลาดและประชาสัมพันธ์ระดับโลก ก็ทำให้เห็นได้ชัดว่า ภาพยนตร์เรื่องนี้ ยังไม่สามารถแตะจุดคุ้มทุนได้ แม้แต่น้อย
ในอุตสาหกรรมภาพยนตร์ การวัดความสำเร็จไม่ได้อยู่ที่ตัวเลขรายได้ทั้งหมดที่ปรากฏ แต่ต้องพิจารณาจากรายได้สุทธิที่ผู้ผลิตภาพยนตร์ได้รับจริง โดยทั่วไปแล้ว โรงภาพยนตร์จะหักส่วนแบ่งรายได้จากการขายตั๋วราว 50% ซึ่งหมายความว่า จากรายได้ทั่วโลก 194 ล้านดอลลาร์ ดิสนีย์จะได้รับจริงเพียงประมาณ 97 ล้านดอลลาร์ เท่านั้น ซึ่งไม่ถึงครึ่งหนึ่งของต้นทุนที่ใช้ไป
Snow White Live Action: เมื่อเทพนิยายกลายเป็นฝันร้ายของดิสนีย์
“Snow White” ฉบับ Live Action ถือเป็นหนึ่งในโปรเจกต์ที่ดิสนีย์ตั้งใจจะนำกลับมาในรูปแบบใหม่เพื่อเจาะกลุ่มผู้ชมรุ่นใหม่ พร้อมกับส่งเสริมความหลากหลายและความเท่าเทียมในสังคมผ่านตัวละครและแนวคิดใหม่ ๆ แต่กลับกลายเป็นว่าแนวทางดังกล่าวกลายเป็นดาบสองคม เมื่อกระแสวิพากษ์วิจารณ์เรื่องบทบาทของตัวละครเอกที่ถูกตีความใหม่ รวมถึงประเด็นด้านวัฒนธรรมและการตลาด กลับเป็นหนึ่งในสาเหตุที่ทำให้แฟน ๆ รุ่นดั้งเดิมรู้สึกไม่พอใจ
หลายคนมองว่า ดิสนีย์กำลังพยายามเปลี่ยนแปลงสิ่งที่ "คลาสสิก" จนสูญเสียเอกลักษณ์ดั้งเดิม ไป ซึ่งอาจเป็นอีกหนึ่งปัจจัยสำคัญที่ทำให้ภาพยนตร์เรื่องนี้ไม่สามารถดึงดูดผู้ชมกลุ่มใหญ่ได้อย่างที่ควรจะเป็น
ความล้มเหลวของ “Snow White” เวอร์ชันใหม่นี้ อาจไม่ได้เป็นแค่เรื่องของตัวเลขในบัญชี แต่ยังรวมไปถึง ผลกระทบต่อภาพลักษณ์ของดิสนีย์ในฐานะผู้นำด้านแอนิเมชันและภาพยนตร์สำหรับครอบครัว อีกด้วย ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา ดิสนีย์เริ่มเผชิญกับความท้าทายหลายด้าน ไม่ว่าจะเป็นการแข่งขันจากแพลตฟอร์มสตรีมมิง เช่น Netflix, Prime Video หรือ HBO Max ที่มีเนื้อหาหลากหลายและเข้าถึงง่าย
อีกทั้งกระแสความนิยมของ Live Action ที่เคยพุ่งสูงจากความสำเร็จของ "Beauty and the Beast", "Aladdin" และ "The Lion King" ก็ดูเหมือนจะเริ่มชะลอลง ความสดใหม่และความตื่นเต้นในแนวทางการสร้าง Live Action อาจเริ่มลดลงในหมู่ผู้ชมที่เริ่มรู้สึกว่า “มันซ้ำซากและไม่สร้างสรรค์พอ”
แม้จะมีรายได้จากช่องทางอื่นที่ไม่เปิดเผยตัวเลขอย่างเป็นทางการ เช่น การขายสิทธิ์ฉายล่วงหน้าในบางประเทศ, การจัดจำหน่ายในรูปแบบดิจิทัล, การขายของที่ระลึก (merchandise) และการเพิ่มยอดผู้สมัครสมาชิกของบริการสตรีมมิง Disney+ ซึ่งภาพยนตร์เรื่องนี้อาจช่วยกระตุ้นได้บ้าง แต่ก็ยังไม่สามารถ หักลบกลบหนี้จากต้นทุนก้อนมหาศาลที่ลงทุนไปในโปรเจกต์นี้ได้ทั้งหมด
สิ่งเหล่านี้กลายเป็นแค่ "ตัวช่วยบรรเทา" แต่ไม่ได้เปลี่ยนผลลัพธ์ในภาพรวมที่ค่อนข้างชัดเจนว่า "ขาดทุน"
บทเรียนสำคัญจาก Snow White และอนาคตของ Live Action ดิสนีย์
กรณีของ Snow White ฉบับนี้ น่าจะเป็นบทเรียนครั้งใหญ่ของดิสนีย์ในการประเมินทิศทางของการสร้างภาพยนตร์ Live Action ในอนาคต โดยเฉพาะเมื่อมีการปรับบทและโครงเรื่องจากต้นฉบับมากเกินไปจนขาดความเชื่อมโยงกับเวอร์ชันที่แฟน ๆ จดจำ
การสร้างภาพยนตร์เพื่อ "ตอบโจทย์ความหลากหลาย" หรือ "เสริมประเด็นทางสังคม" อาจเป็นสิ่งที่ดีในภาพรวม แต่หากไม่สามารถทำให้สมดุลกับการเล่าเรื่องและความบันเทิงที่เข้าถึงใจผู้ชม ก็อาจกลายเป็นการสูญเสียทั้งฐานแฟนเดิมและแฟนใหม่ไปพร้อมกัน
“Snow White” ฉบับ Live Action อาจเป็นอีกหนึ่งตัวอย่างของความพยายามที่ดีแต่ยังไม่สมบูรณ์ ทั้งในด้านการเล่าเรื่อง การทำตลาด และการจัดการความคาดหวังของผู้ชม ผลที่ออกมาคือรายได้ไม่ถึงเป้า ขาดทุนในเชิงพาณิชย์ และเสียงวิจารณ์ที่หลั่งไหลมาจากทุกทิศทาง
สำหรับดิสนีย์แล้ว โปรเจกต์นี้ไม่เพียงแต่เป็นความผิดหวังทางรายได้ แต่ยังเป็นสัญญาณเตือนว่า พวกเขาจำเป็นต้องทบทวนแนวทางการผลิตภาพยนตร์ Live Action ใหม่ทั้งหมด หากยังต้องการรักษาสถานะผู้นำในอุตสาหกรรมบันเทิงระดับโลกต่อไป















