คลิป BMW ปาดหน้าทำพิษ! “นายกเบี้ยว” ยอมรับคนในคลิปคือลูกตัวเอง แต่ตอนนี้ยังติดต่อไม่ได้
“นายกเบี้ยว” เปิดใจทั้งน้ำตา หลังลูกชายขับเก๋งป้ายแดงปาดหน้ากระบะ ชนลุงป้าบาดเจ็บ ลั่นไม่ปกป้อง ถ้าผิดก็ต้องยอมรับ
กลายเป็นประเด็นร้อนแรงบนโลกโซเชียลทันที หลังมีการแชร์คลิปเหตุการณ์อุบัติเหตุระหว่างรถเก๋งหรูป้ายแดง กับรถกระบะ ที่มีลักษณะการขับขี่เสี่ยงอันตราย ก่อนที่รถเก๋งจะขับไปปาดหน้าและเกิดการเฉี่ยวชนจนรถกระบะเสียหลัก พุ่งชนแบริเออร์กลางถนน ส่งผลให้คนขับรถกระบะซึ่งเป็นคุณลุงวัย 65 ปี และคุณป้าวัย 64 ปี ที่นั่งมาด้วย ได้รับบาดเจ็บ
เหตุการณ์นี้ยิ่งเป็นที่วิพากษ์วิจารณ์หนักขึ้นเมื่อมีการเปิดเผยว่า ผู้ขับขี่รถเก๋งหรูนั้นคือ “นายสมิทธิ พัฒน์ หลินวรัตน์” หรือ “พีช” ซึ่งเป็นบุตรชายของ “นายกฤษฎา หลินวรัตน์” หรือที่คนในพื้นที่รู้จักกันดีในนาม “นายกเบี้ยว” อดีตนายกเทศมนตรีตำบลธัญบุรี และยังมีสถานะเป็นผู้สมัคร สท. ในพื้นที่ด้วย
โดยในรายการ "เปิดปากกับภาคภูมิ" ทางช่องไทยรัฐทีวี ช่อง 32 ได้มีการโทรสัมภาษณ์ “นายกเบี้ยว” ถึงประเด็นร้อนที่สังคมตั้งคำถามว่า เหตุใดลูกชายถึงมีพฤติกรรมขับรถเสี่ยงเช่นนี้ และจะมีการรับผิดชอบต่อเหตุการณ์อย่างไร?
“ผมเสียใจ...และขอโทษสังคมแทนลูกชาย”
นายกเบี้ยวเปิดใจอย่างตรงไปตรงมาว่า ตนทราบเรื่องจากนักข่าวในเช้าวันถัดมาหลังเกิดเหตุ และถึงกับตกใจอย่างมากเมื่อเห็นคลิปเหตุการณ์ที่เผยแพร่ออกมา ตนรีบเดินทางไปเยี่ยมคุณลุงและคุณป้าที่โรงพยาบาล พร้อมแสดงความเสียใจและยืนยันว่าจะรับผิดชอบกับสิ่งที่เกิดขึ้น
“ผมไปเยี่ยมลุงกับป้าแล้ว พูดจากันดี เราแสดงความเสียใจจริงๆ และพูดให้เขาสบายใจว่าไม่ว่าลูกผมจะผิดหรือถูก ผมพร้อมดูแล เพราะผมเข้าใจหัวอกคนจน ผมเป็นพ่อ ผมก็เสียใจครับ ลูกผมขับรถแบบนี้ไม่ดีเลยจริงๆ”
นายกเบี้ยวยังกล่าวต่อด้วยน้ำเสียงจริงใจว่า ตนไม่ได้ติดต่อกับลูกชายตั้งแต่เกิดเหตุ เพราะลูกชายตกใจและหลบหน้าไป ยังไม่ยอมรับสายโทรศัพท์ ซึ่งตนก็พยายามตามตัวอยู่ และได้ฝากเพื่อนไปบอกว่า “ป๊าไม่ว่าอะไร กลับมาเถอะ เราต้องเผชิญความจริง ถ้าผิดก็ต้องยอมรับ เพราะเราเป็นลูกผู้ชาย”
“ลูกก็ผิด ผมไม่เข้าข้าง ไม่เคยคิดใช้อิทธิพล”
เมื่อถูกถามถึงการวิจารณ์ว่าอาจมีการใช้อิทธิพลช่วยลูกหลุดคดีหรือไม่ นายกเบี้ยวกล่าวอย่างหนักแน่นว่า “ไม่มีครับ ผมไม่มีอิทธิพลอะไรทั้งนั้น ผมเป็นคนของประชาชน ดูแลประชาชนมาตลอด ไม่เคยคิดจะใช้อำนาจเพื่อปกป้องลูก”
พร้อมยอมรับว่า จากคลิปที่เห็น ลูกชายก็มีส่วนผิดอย่างแน่นอน แม้ว่าในคลิปจะเห็นว่าคุณลุงมีการเบี่ยงรถมาเล็กน้อย แต่หากเป็นตนก็จะปล่อยไป เพราะลุงอายุมากแล้ว แต่ลูกชายยังเด็ก ยังไม่ยั้งคิด ซึ่งตนก็หวังว่าเขาจะเรียนรู้จากเหตุการณ์นี้
“ผมก็อยากถามลูกเหมือนกันว่า ทำไมลงจากรถไปต่อว่าเขาขนาดนั้น เขาแก่แล้วนะ คนเจ็บคือคุณลุงซึ่งซี่โครงหัก ส่วนคุณป้าอาการไม่หนักมาก ตอนนี้ผมก็บอกกับคุณป้าแล้วว่า ไม่ว่าจะยังไง ผมจะดูแลและรับผิดชอบเองทุกอย่าง”
“ฝากถึงประชาชน...ลูกผมสมัคร สท. จริง แต่ขอโทษแทนเขา หากประชาชนไม่ให้โอกาสก็ยอมรับ”
นายกเบี้ยวยังกล่าวว่า ลูกชายตั้งใจจะขับรถออกไปหาเสียงเลือกตั้ง เพราะลงสมัครเป็นสมาชิกสภาเทศบาล (สท.) แต่ดันมาเกิดอุบัติเหตุเสียก่อน ซึ่งเหตุการณ์นี้อาจทำให้อนาคตทางการเมืองของลูกต้องหยุดชะงัก
“ถ้าประชาชนเห็นว่าเขาไม่เหมาะสม ไม่ให้โอกาส ก็เข้าใจครับ เพราะเราอยู่ในสังคม เราต้องเคารพเสียงของประชาชน ผมก็ขอโทษแทนลูกชายอีกครั้ง”
เสียงสะท้อนจากโซเชียล สังคมตั้งคำถามถึงความรับผิดชอบ
หลังจากคลิปเหตุการณ์ดังกล่าวถูกแชร์ว่อนในโลกออนไลน์ ผู้คนต่างตั้งคำถามอย่างหนักเกี่ยวกับพฤติกรรมของผู้ขับรถเก๋งหรู และความเหมาะสมในการลงสมัครรับเลือกตั้งเป็นตัวแทนประชาชน โดยมีทั้งกระแสวิจารณ์อย่างรุนแรงและกระแสเรียกร้องให้ผู้เกี่ยวข้องแสดงความรับผิดชอบอย่างจริงจัง
ขณะเดียวกัน หลายคนก็ให้กำลังใจนายกเบี้ยวในการออกมายอมรับและขอโทษต่อสาธารณะ พร้อมขอให้ลูกชายเดินทางกลับมาแสดงความรับผิดชอบ เพื่อไม่ให้เหตุการณ์บานปลายและสร้างความเจ็บปวดให้กับผู้ได้รับบาดเจ็บมากไปกว่านี้
เหตุการณ์นี้ถือเป็นอีกหนึ่งบทเรียนที่สำคัญสำหรับวัยรุ่นไทยในการใช้รถใช้ถนน และการควบคุมอารมณ์ในยามขับขี่ การตัดสินใจชั่ววูบอาจนำไปสู่ความสูญเสียที่ไม่มีใครอยากให้เกิด และยิ่งผู้ก่อเหตุมาจากครอบครัวที่มีชื่อเสียง ก็ยิ่งต้องระมัดระวังและมีความรับผิดชอบต่อสังคมให้มากกว่าคนทั่วไป
ในท้ายที่สุด เราหวังว่า “พีช” จะกล้าหาญพอที่จะกลับมาเผชิญความจริง และแสดงออกถึงความสำนึกผิดต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น พร้อมร่วมเยียวยาจิตใจและร่างกายของผู้ที่ได้รับผลกระทบ เพื่อให้เรื่องนี้เป็นเพียงบทเรียนในชีวิต ไม่ใช่ตราบาปที่ต้องติดตัวไปตลอดกาล
อ้างอิงจาก: ที่มาจาก รายการเปิดปากกับภาคภูมิ
















