ยืนยันอีกแรง ตำรวจเผยผู้กองให้ลอตเตอรี่เจ้าของร้านลาบโดยเสน่หา เพื่อนบ้านยัน ผู้กองบอกแบ่งกันรวย
เป็นการรายงานข่าวจากสำนักข่าวไทยในวันนี้ (21 มกราคม 2568) ถึงความคืบหน้ากรณีผู้กอง อายุ 65 ปี อดีตตำรวจตระเวนชายแดน ซื้อล็อตเตอรี่งวดประจำวันที่ 17 ม.ค. 2568 หมายเลข 807779 จำนวน 2 ใบ โดยก่อนมีการประกาศผลรางวัล ผู้กองได้ไปกินอาหารที่ร้านลาบแห่งหนึ่งในเขตเทศบาลตำบลธาตุพนม มีหญิง อายุ 68 ปี เป็นเจ้าของร้านลาบ และสนิทสนมคุ้นเคยกันกับผู้กอง จึงมีการแบ่งลอตเตอรี่ให้ 1 ใบ บอกว่าแบ่งกันลุ้นโชคตามประสาคนสนิทกัน และมีการหยอกล้อว่าแบ่งกันรวย กระทั่งประกาศผลรางวัล ปรากฏว่าถูกรางวัลที่ 1 ต่างพากันดีใจ นำลอตเตอรี่ คนละ 1 ใบ ไปลงบันทึกประจำวันที่ สภ.ธาตุพนม และนำไปขึ้นเงินที่ร้านทองแห่งหนึ่งในเขตเทศบาลตำบลธาตุพนม โดยเจ้าของร้านเดินทางไปก่อน ผู้กองไปหลังจากนั้น 1 ชั่วโมง ภายหลัง ผู้กองออกมาอ้างว่า ลอตเตอรี่ดังกล่าวนั้นตนเองเพียงฝากไว้ และมีการตกลงกันว่าหากถูกจะแบ่งคนละครึ่ง จึงได้ทวงถามถึงเงิน 3 ล้านบาท แต่เจ้าของร้านบอกว่าจะไปตั้งกองกฐิน 1 ล้าน รับปากจะให้ผู้กอง 2 ล้าน พอถึงเวลานัด เจ้าของร้านกลับหายเงียบไป ผู้กองจึงได้เข้าแจ้งความฐานยักยอก ล่าสุด ด้าน พ.ต.อ.ถวิล คำเกษ ผกก.สภ.ธาตุพนม เปิดเผยว่า ทั้งสองได้มาขึ้นรางวัล ทางคนซื้อนำเอกสารหลักฐานลอตเตอรี่มาลงบันทึกประจำวันเป็นหลักฐาน มากันคนละเที่ยว และยืนยันว่าไม่ติดใจอะไรกัน เป็นการแบ่งกันตั้งแต่ต้นที่ยังไม่รู้ว่าถูกรางวัล เจ้าหน้าที่จึงได้ลงบันทึกประจำวันตามกฎหมาย เพื่อให้นำไปขึ้นรางวัล ต่อมาภายหลังทราบว่า ผู้กองมาแจ้งความเจ้าของร้านฐานยักยอกทรัพย์ ทางตำรวจรับไว้สอบสวน ถือเป็นการแจ้งความตามสิทธิ์ ผิดถูกว่ากันไปตามพยานหลักฐาน แต่จากข้อมูลมั่นใจว่า ป็นการให้โดยเสน่หา ส่วนจะมีการฟ้องร้อง สู้คดี หรือใครจะถูกข้อหาแจ้งความ ให้การเท็จ ฟ้องเท็จ เป็นกระบวนของกฎหมาย โดยทางตำรวจจะให้ความเป็นธรรมทั้ง 2 ฝ่าย ขณะเดียวกัน หญิง อายุ 61 ปี คนสนิทของเจ้าของร้านลาบ เผยว่า ตนรู้จักเจ้าของร้านมาหลายสิบปี แต่ก่อนเคยมีบ้านอยู่ใกล้กัน ก่อนจะขายบ้านและที่ดิน สามีของเจ้าของร้านเสียชีวิต มีลูก 2 คน ทำงานมีครอบครัวแล้ว เจ้าของร้านจึงมาขออาศัยห้องเช่า เปิดร้านลาบขายสร้างรายได้ เป็นห้องเล็กๆ แต่ตนสงสาร และก็รู้จักกันดี จึงไม่เก็บค่าเช่าวันหวยออกยังเห็นว่าผู้กองนำลอตเตอรี่มาแบ่งให้เจ้าของร้าน ยืนยันว่าให้ด้วยความเต็มใจ ไม่ได้ฝากไว้ ตนอยู่ในเหตุกาณณ์ทุกอย่าง อีกทั้งยังมีการพูดจาหยอกล้อกันว่า “แบ่งกันรวย หากถูกรางวัลจะนำมาแต่งงาน เอามาเป็นสินสอด” เนื่องจากทั้งคู่เป็นพ่อม่ายกับแม่ม่าย และหลังจากที่รู้ว่าถูกรางวัล ยังมีการพูดจากันสนุกสนาม ไม่ได้มีการทวงคืน พอตนมารู้ข่าวว่ามีการแจ้งความกัน ตนรู้สึกไม่เห็นด้วย เพราะเป็นการให้กันด้วยความเต็มใจ