โจ๋14 เมืองคอนดุ มีดแทงเด็กชาย 14 ดับ
โจ๋14 เมืองคอนดุ มีดแทงเด็กชาย 14 ดับ
เมื่อเวลา 22.30 น.วันที่ 11 มกราคม 2568 ร.ต.อ.สราวุธ ดำจันทร์ รอง สว (สอบสวน) สภ.หัวไทร จ.นครศรีธรรมราช รับแจ้งเหตุทำร้ายร่างกายกันได้รับบาดเจ็บสาหัส ที่บริเวณริมถนนสายนครศรีธรรมราช – สงขลา ( เลี่ยงเมือง ) หมู่ 10 ต.หัวไทร อ.หัวไทร จ.นครศรีธรรมราช จึงพร้อมด้วย พ.ต.อ.สมพร รักแก้ว ผกก.สภ.หัวไทร และกำลังตำรวจสายตรวจและตำรวจสืบสวน รีบเดินทางไปตรวจสอบที่เกิดเหตุ พบแต่เพียงกองเลือดริมถนน ส่วนคนถูกแทงได้รับบาดเจ็บสาหัสถูก เจ้าหน้าที่อาสาสมัครมูลนิธิประชาร่วมใจหัวไทร รีบนำส่งโรงพยาบาลหัวไทร ก่อนหน้านี้แล้ว มีบาดแผลถูกแทงด้วยอาวุธมีดปลายแหลมเข้าหน้าอกซ้ายตัดขั้วหัวใจ และเสียชีวิตที่โรงพยาบาล สอบสวนทราบชื่อเด็กชายภูบดินทร์ หรือ อิฐ อายุ 14 ปี นักเรียน ชั้น ม.2 โรงเรียนแห่งหนึ่ง ใน อ.หัวไทร จ.นครศรีธรรมราช
จากการสอบสวนเบื้องต้นทราบว่า ก่อนเกิดเหตุขณะที่เด็กชายภูบดินทร์ หรือ อิฐ ขี่รถจักรยานยนต์ โดยมีเพื่อนสาวนั่งซ้อนท้ายมาบนถนน เมื่อถึงที่เกิดเหตุ
มีชายวัยรุ่น 2 คน ทราบภายหลังชื่อนายปอนด์ อายุ 29 ปีและ เด็กชายต้นกล้า อายุ 14 ปี ขี่รถจักรยานยนต์ไล่ตามประกอบ ก่อนจะเรียกให้เด็กชายภูบดินทร์ หรือ อิฐ จอดรถ แล้วนายปอนด์ และเด็กชายต้นกล้า รุมใช้อาวุธมีดปลายแหลมจ้วงแทงหน้าอกซ้าย เด็กชายอิฐ 2 แผล ล้มฟุบจมกองเลือดต่อหน้าเพื่อนสาว ก่อนที่คนก่อเหตุจะขี่รถจักรยานยนต์หลบหนี ไปอย่างรวดเร็วทันที จากการสอบสวนทราบว่าสาเหตุเกิดจากช่วงกลางวันวันที่ 11ม.ค.68 ที่ผ่านมา เด็กชายภูบดินทร์ หรือ อิฐ ทราบข่าวว่า เด็กชายต้นกล้า ขอจับหน้าอกเพื่อนสาว เด็กชายอิฐ สร้างความไม่พอใจให้กับเด็กชายอิฐ ก่อนที่กลุ่มคนตายจะตามมาพบนายต้นกล้า หน้าสำนักงานเทศบาลตำบลหัวไทร เด็กชายอิฐ พร้อมเพื่อน 3 คน ขี่รถจักรยานยนต์ไปถาม เด็กชายต้นกล้า 1 ใน 2 คนก่อเหตุ ว่า เด็กชายต้นกล้า ขอจับหน้าอกเพื่อนสาวของตนจริงหรือไม่ แต่ เด็กชายต้นกล้า ไม่ตอบ ก่อนที่กลุ่มคนตาย ไล่เตะเด็กชายต้นกล้า ส่วนเด็กชายต้นกล้า ขี่รถรถจักรยานยนต์หลบหนีไปได้ กระทั่งก่อนเกิดเหตุ เด็กชายต้นกล้า ชักชวนนายปอนด์ อายุ 29 ปี เพื่อนรุ่นพี่ ขี่รถจักรยานยนต์ไล่ทำร้าย เด็กชายอิฐ เสียชีวิต แล้วหลบหนีไป
กระทั่งสายวันนี้ (12 ม.ค.) เด็กชายต้นกล้า อายุ 14 ปี ผู้ปกครองพาเข้ามอบตัวตำรวจ สภ.หัวไทร โดยรับสารภาพว่า ร่วมกับนายปอนด์ ทำร้ายเด็กชายอิฐ เสียชีวิตจริง ตำรวจจึงคุมตัวดำเนินคดีตามกฎหมายเยาวชนต่อไป ส่วนายปอนด์ อายุ 29 ปี อยู่ระหว่างหลบหนี ตำรวจอยู่ระหว่างการรวบรวมพยานหลักฐาน เพื่อออกหมายจับและติดตามตัวมาดำเนินคดี ส่วนบรรยากาศแม่และญาติ นิมนต์พระสงฆ์วัดโคกพิกุลมาทำพิธีสวดเชิญดวงวิญญาณเด็กชายอิฐ ท่ามกลางความโศกเศร้าเสียใจ
นางกิติรัตน์ อายุ 51 ปี แม่ของเด็กชายอิฐ ผู้เสียชีวิต เผยทั้งน้ำตาว่า ช่วงกลางวันก่อนเกิดเหตุ ลูกชายขออนุญาตเที่ยวงานวันเด็ก ที่เทศบาลตำบลหัวไทร ก่อนกลับช่วง 5 โมงเย็น ก่อนที่ลูกชายจะกินข้าวเย็นตามปกติ ส่วนตนนั่งเล่นที่บ้านเพื่อน ช่วง 1 ทุ่ม ลูกชายไปหาตน ขออนุญาตเที่ยวงานวันเด็กที่เทศบาลฯ อีกรอบ โดยมีเด็กหญิงปาล์ม เพื่อนสาวมารับ ซึ่งตอนลูกชายขอออกไปเที่ยวงานวันเด็กช่วงค่ำ ตนห้ามแล้วว่าอย่าออกไปเที่ยวค่ำๆมืดๆ แต่ลูกชาย ขอร้องว่า ถ้าแม่อนุญาตให้ออกไปเที่ยวพรุ่งนี้จะช่วยพ่อทำงาน ด้วยความสงสารและเห็นว่าลูกชายอยากไปเที่ยวกับกลุ่มเพื่อน จึงอนุญาต กระทั้งเกือบ 4 ทุ่ม เพื่อนลูกชายมาบอกที่บ้านว่าลูกชายถูกทำร้าย จึงรีบเดินทางไปที่โรงพยาบาลหัวไทร พบว่าหมอพยายามปั๊มหัวใจลูกชายที่นอนรักษาในห้อง ICU ก่อนที่หมอจะแจ้งว่าลูกชายเสียชีวิตตั้งแต่ที่เกิดเหตุแล้ว
.สำหรับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นตนเองได้สอบถาม เพื่อนที่ไปเที่ยวงานวันเด็กพร้อมกับลูกชายเล่าให้ตนเองฟังว่า ระหว่างที่ลูกชายและกลุ่มเพื่อน กำลังเดินเล่นอยู่ในงาน ปรากฏว่า เด็กชายต้นกล้า ซึ่งที่ผ่านมาก็เป็นเพื่อนสนิทที่เที่ยวกลุ่มเดียวอยู่กับลูกชาย มาขอจับหน้าอกแฟนสาวของลูกชายจนทำให้ลูกชายเกิดความไม่พอใจและหลังจากนั้นลูกชายก็เดินไป สอบถามกับเด็กชายต้นกล้าว่ามาขอจับหน้าอกแฟนสาวของตนเองทำไมก่อนที่ต่อมาลูกชายและกลุ่มเพื่อนประมาณ 2 คนรุมกระทืบ แต่เท่าที่สอบถามจากกลุ่มเพื่อนทราบว่าลูกชายเตะเด็กชายต้นกล้าไปเพียงครั้งเดียว ก่อนที่ทั้งหมดจะแยกย้ายกันออกจากงานวันเด็ก ต่อมาลูกชายและกลุ่มเพื่อนได้ขี่รถจักรยานยนต์ มายังจุดเกิดเหตุโดยมารอเพื่อนอีกคน หลังจากนั้นเด็กชายต้นกล้าและนายปอน 2 ผู้ก่อเหตุก็ได้ขี่รถจักรยานยนต์พ่วงข้างมาเจอกับลูกชายก่อนจะใช้อาวุธมีดแทงเข้าที่ชายโครง 1 ครั้ง และส่วนนายปอนด์ใช้เหล็กแทงปาล์ม แทงเข้าที่บริเวณหัวใจ 1 ครั้ง
แม่ เผยอีกว่า ส่วนความบาดหมางใจระหว่างลูกชายกับเด็กชายต้นกล้า เคยมีเรื่องกันมาแล้วครั้งหนึ่ง แต่ตนเองก็ไม่ทราบว่าปัญหาอะไร แต่ทั้งสองจับมือเคลียร์ใจกันแล้ว ตนก็ไม่เคยคิดว่าจะมาเกิดเหตุการณ์แบบนี้ เพราะว่านิสัยของลูกชายไม่ได้เป็นเด็กเกเรหรือเป็นเด็กอันธพาล ที่สร้างความเดือดร้อนให้กับผู้อื่น แต่ยอมรับว่าเกเรตามประสาเด็กทั่วไป และไม่เคยมีปัญหาตีรันฟันแทงกับใคร ตนไม่คิดว่าลูกชายจะต้องมาเสียชีวิตแบบนี้ หลังเกิดเหตุถึงตอนนี้ ตนทำใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นไม่ได้ เพราะว่าการอนุญาตให้ลูกชายออกไปเที่ยวงานวันเด็กครั้งนี้เป็นการอนุญาตให้ลูกชายออกไปตาย ส่วนครอบครัวผู้ก่อเหตุ ยังไม่ได้ติดต่อแสดงความรับผิดชอบอะไรทั้งสิ้น แม้ว่าตนเองกับตายายของเด็กชายต้นกล้า ก็รู้จักกัน