นโยบายของทรัมป์ มีผลอย่างไรต่อทิศทางทองคำ
วันที่ 20 มกราคม ของทุกปี เป็นวันที่สำคัญในประวัติศาสตร์การเมืองสหรัฐอเมริกา เพราะเป็นวัน พิธีสาบานตน ของประธานาธิบดีคนใหม่ และในปี 2017 เมื่อ โดนัลด์ ทรัมป์ ได้เข้ารับตำแหน่งประธานาธิบดีคนที่ 45 ของสหรัฐฯ ท่ามกลางนโยบายทางเศรษฐกิจที่เน้นการปรับโครงสร้างภาษี การกระตุ้นเศรษฐกิจ และการทบทวนความสัมพันธ์ทางการค้ากับประเทศต่างๆ โดยเฉพาะ จีน ทรัมป์ได้วางรากฐานที่มีผลอย่างยิ่งต่อทิศทางของ ทองคำ ซึ่งถือเป็นหนึ่งในสินทรัพย์ที่สำคัญในการป้องกันความเสี่ยงจากภาวะเศรษฐกิจที่ไม่แน่นอน
ในบทความนี้ เราจะวิเคราะห์ผลกระทบจากนโยบายต่างๆ ของทรัมป์ที่เกิดขึ้นในวันที่ 20 มกราคม 2017 และจากนั้นมาดูทิศทางของทองคำในช่วงที่เขาดำรงตำแหน่ง รวมถึงการคาดการณ์อนาคตของทองคำภายใต้นโยบายของสหรัฐฯ หลังจากการเปลี่ยนแปลงทางการเมืองและเศรษฐกิจในช่วง 4 ปีที่ผ่านมา
1. นโยบายเศรษฐกิจของทรัมป์และผลกระทบต่อทองคำ
เมื่อ โดนัลด์ ทรัมป์ เข้ารับตำแหน่งประธานาธิบดีในวันที่ 20 มกราคม 2017 เขาได้นำเสนอนโยบายเศรษฐกิจที่มีจุดมุ่งหมายในการ ลดภาษี, ลดกฎระเบียบ และ กระตุ้นการเติบโตทางเศรษฐกิจ ในประเทศ โดยเฉพาะในอุตสาหกรรมที่สำคัญ เช่น พลังงานและการผลิต นโยบายเหล่านี้สามารถสรุปได้เป็น 3 ประเด็นหลักที่มีผลกระทบโดยตรงต่อตลาดทองคำ:
1.1 การลดภาษีและการกระตุ้นเศรษฐกิจ
ทรัมป์ได้เสนอนโยบายลดภาษีให้กับบริษัทและประชาชน โดยเฉพาะภาษีรายได้ของธุรกิจ ซึ่งทำให้เกิดการกระตุ้นการลงทุนภายในประเทศ อย่างไรก็ตาม การลดภาษีนี้ทำให้สหรัฐฯ มีการขาดดุลการคลังเพิ่มขึ้น ซึ่งอาจส่งผลให้ เงินดอลลาร์อ่อนค่าเมื่อมีการพิมพ์เงินเพิ่มขึ้นเพื่อรองรับการขาดดุล การอ่อนค่าของดอลลาร์ทำให้ทองคำเป็นสินทรัพย์ที่น่าสนใจสำหรับนักลงทุน เนื่องจากทองคำมักจะมีราคาสูงขึ้นเมื่อเงินดอลลาร์อ่อนค่าลง
1.2 สงครามการค้ากับจีน
ทรัมป์ดำเนินนโยบาย สงครามการค้ากับจีน โดยการเรียกเก็บภาษีเพิ่มเติมกับสินค้านำเข้าจากจีน ซึ่งทำให้เกิดความไม่แน่นอนในตลาดการเงินและการค้าโลก การเกิดความตึงเครียดนี้ทำให้นักลงทุนหันมาลงทุนในสินทรัพย์ที่ปลอดภัย เช่น ทองคำ ซึ่งมักจะได้รับความสนใจในช่วงที่ตลาดหุ้นมีความผันผวน
1.3 การลดอัตราดอกเบี้ย
ในช่วงการดำรงตำแหน่งของทรัมป์, ธนาคารกลางสหรัฐฯ (Federal Reserve) ได้ลดอัตราดอกเบี้ยหลายครั้งเพื่อกระตุ้นการเติบโตทางเศรษฐกิจ และบรรเทาผลกระทบจากสงครามการค้าและความผันผวนในตลาดโลก การลดอัตราดอกเบี้ยทำให้ผลตอบแทนจากสินทรัพย์อื่นๆ ลดลง และทำให้ทองคำซึ่งไม่มีดอกเบี้ยกลายเป็นตัวเลือกที่น่าสนใจมากขึ้น
2. ผลกระทบจากการดำรงตำแหน่งของทรัมป์ต่อทองคำ
2.1 ทองคำเป็นสินทรัพย์ปลอดภัย
ทองคำถือเป็น สินทรัพย์ปลอดภัย หรือ safe haven ซึ่งได้รับความสนใจในช่วงที่มีความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจหรือการเมือง ในช่วงที่ทรัมป์ดำรงตำแหน่ง ประธานาธิบดีของสหรัฐฯ เราเห็นได้ว่าราคาทองคำมีการปรับตัวขึ้นอย่างมีนัยสำคัญเมื่อเกิดความไม่แน่นอนในตลาด การเลือกตั้งของทรัมป์, การขาดดุลของงบประมาณ, และการทบทวนนโยบายการค้าทำให้ทองคำกลายเป็นตัวเลือกที่น่าสนใจ
2.2 ผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงค่าเงินดอลลาร์
เมื่อการขาดดุลการคลังของสหรัฐฯ เพิ่มขึ้นและการพิมพ์เงินเพิ่มขึ้น ราคาทองคำก็มีการปรับตัวสูงขึ้น ทองคำมักจะเคลื่อนไหวตรงข้ามกับค่าเงินดอลลาร์ หากดอลลาร์อ่อนค่า ทองคำจะปรับตัวสูงขึ้น
2.3 การฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลกในช่วงการระบาดของโควิด-19
แม้ว่าการระบาดของ โควิด-19 จะเกิดขึ้นในช่วงท้ายของการดำรงตำแหน่งของทรัมป์ แต่ผลกระทบจากการระบาดทำให้มีการกระตุ้นเศรษฐกิจทั่วโลกผ่านการพิมพ์เงินและการลดอัตราดอกเบี้ยอย่างรวดเร็ว ซึ่งส่งผลให้ราคาทองคำพุ่งสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง
3. ทิศทางทองคำในอนาคตภายใต้นโยบายของทรัมป์
แม้ว่าทรัมป์จะไม่ได้อยู่ในตำแหน่งอีกต่อไปหลังจากปี 2020 แต่ผลกระทบจากนโยบายของเขายังคงมีผลต่อทิศทางของทองคำในอนาคต:
- ทองคำยังคงเป็นสินทรัพย์ที่น่าสนใจ: เมื่ออัตราดอกเบี้ยต่ำและมีการพิมพ์เงินเพิ่มขึ้นในหลายประเทศ ทองคำยังคงเป็นสินทรัพย์ที่ปลอดภัยสำหรับนักลงทุน
- การผันผวนของเงินดอลลาร์: หากนโยบายการเงินของรัฐบาลสหรัฐฯ ยังคงส่งผลให้ดอลลาร์อ่อนค่า ทองคำจะยังคงเป็นที่นิยมในฐานะสินทรัพย์ที่สามารถป้องกันการเสี่ยงจากการเคลื่อนไหวของค่าเงิน
- การเจริญเติบโตของเศรษฐกิจโลก: หากเศรษฐกิจโลกฟื้นตัวอย่างช้าๆ ภายหลังจากวิกฤตโควิด-19 ราคาทองคำอาจจะยังคงได้รับความสนใจจากนักลงทุนที่ต้องการป้องกันความเสี่ยงจากความไม่แน่นอนในระยะยาว
สรุป
นโยบายทางเศรษฐกิจของ โดนัลด์ ทรัมป์ โดยเฉพาะในด้านการลดภาษี, การกระตุ้นเศรษฐกิจ และสงครามการค้ากับจีน ล้วนมีผลกระทบต่อการเคลื่อนไหวของ ทองคำ ในช่วงการดำรงตำแหน่งของเขา ทองคำได้กลายเป็นสินทรัพย์ที่ได้รับความนิยมในช่วงที่มีความไม่แน่นอนทางการเงินและการเมือง โดยเฉพาะเมื่อค่าเงินดอลลาร์อ่อนค่าลงและอัตราดอกเบี้ยต่ำ
แม้ว่า ทรัมป์ จะไม่ได้อยู่ในตำแหน่งประธานาธิบดีแล้ว แต่ผลกระทบจากนโยบายของเขายังคงมีอิทธิพลต่อทิศทางทองคำในอนาคต การรักษาความปลอดภัยในสินทรัพย์อย่างทองคำจะยังคงเป็นทางเลือกสำคัญสำหรับนักลงทุนในยุคที่มีความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจและการเงิน