จบเกม! "ผู้กองหมวย" ปลอมตัวตุ๋นเงินเหยื่อ รู้ตัวอีกทีไม่รอด
รวบตัว “ผู้กองหมวย” ตำรวจเก๊ อ้างนามสกุลดัง หลอกตุ๋นเงินหลายแสนบาท เหตุเลือกใส่เครื่องแบบเพราะ “เท่ดี”
จากกรณีอื้อฉาวในวงการสีกากี สร้างความสนใจอย่างกว้างขวาง เมื่อเจ้าหน้าที่ตำรวจออกหมายจับ “นางสาวฟาฏินะห์” หรือที่รู้จักในชื่อ “ผู้กองหมวย” อายุ 21 ปี ในข้อหาแต่งกายเลียนแบบเจ้าหน้าที่ตำรวจ พร้อมใช้เครื่องแบบและเอกสารปลอมเพื่อหลอกลวงและฉ้อโกงเงินเหยื่อหลายแสนบาท
การกระทำของ “ผู้กองหมวย” เริ่มต้นจากการปลอมแปลงตัวตน โดยแอบอ้างว่าเป็น ร้อยตำรวจเอกหญิง พร้อมใช้นามสกุล “บุญยรัตกลิน” ซึ่งเป็นนามสกุลของอดีตผู้บัญชาการทหารบก เพื่อสร้างความน่าเชื่อถือ นอกจากนี้ เธอยังใช้ รูปถ่ายในเครื่องแบบตำรวจ และ เอกสารปลอมแปลง จากโรงพยาบาลและหน่วยงานราชการต่างๆ เพื่อเพิ่มความสมจริง
พฤติกรรมดังกล่าวถูกเปิดเผยว่ามีการเข้าไป ถ่ายภาพเซลฟี่ในสถานที่ราชการ กับโต๊ะทำงานของเจ้าหน้าที่ตำรวจ เพื่อสร้างภาพลักษณ์ที่น่าเชื่อถือ นำไปใช้หลอกเหยื่อให้โอนเงินหรือสนับสนุนพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสม
จากการสืบสวนของเจ้าหน้าที่พบว่า “ผู้กองหมวย” ได้หลอกลวงเหยื่อหลายราย โดยเรียกร้องเงินรวมมูลค่าหลายแสนบาท เหยื่อหลายคนเสียหายทั้งทรัพย์สินและความเชื่อมั่น เนื่องจากมีการใช้นามสกุลที่เกี่ยวข้องกับบุคคลระดับสูงของประเทศ
ที่น่าสนใจคือ ข้อมูลจากแหล่งข่าวระบุว่า มารดาของ “ผู้กองหมวย” สนับสนุนพฤติกรรมดังกล่าว อีกทั้งยังมีส่วนช่วยสร้างความน่าเชื่อถือให้กับการหลอกลวง
หลังจากถูกเจ้าหน้าที่ออกหมายจับ “ผู้กองหมวย” ได้หลบหนีไปแต่งงานกับนายทหารชั้นประทวนสังกัดกรมสรรพาวุธ ซึ่งยังไม่แน่ชัดว่าสามีของเธอทราบเรื่องพฤติกรรมฉ้อโกงของภรรยาหรือไม่
ล่าสุด วันที่ 9 มกราคม 2568 เวลา 23:30 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจนำโดย พ.ต.ท.วรภัทร สุขไทย พร้อมทีมสืบสวน สน.บางซื่อ ได้วางแผนเข้าจับกุมตัว “นางสาวฟาฏินะห์” ได้ที่ สถานีขนส่งหมอชิต กรุงเทพฯ โดยตรวจสอบสัมภาระของเธอ พบหลักฐานสำคัญ เช่น
เอกสารปลอมแปลง และหนังสือสำคัญที่เกี่ยวข้องกับการจดทะเบียนชื่อ-สกุล
ภาพถ่ายในเครื่องแบบตำรวจ
เสื้อยืดโลโก้ตำรวจ 2 ตัว
เมื่อถูกเจ้าหน้าที่สอบสวนถึงเหตุผลในการแต่งเครื่องแบบตำรวจปลอม “ผู้กองหมวย” ให้การว่า “เพราะเท่ดีค่ะ” ซึ่งคำตอบดังกล่าวสร้างความตกใจและความไม่พอใจให้กับเจ้าหน้าที่อย่างมาก
ในระหว่างการสอบปากคำที่ สน.บางซื่อ ผู้ต้องหาให้การวกวน อ้างว่า “เรื่องมันยาว” และยังไม่กล้าตอบคำถามเกี่ยวกับการกระทำผิดอย่างตรงไปตรงมา
เบื้องต้น “ผู้กองหมวย” ถูกตั้งข้อหา แต่งกายเลียนแบบเจ้าหน้าที่ตำรวจ ซึ่งถือเป็นความผิดทางกฎหมายที่ชัดเจน อย่างไรก็ตาม เจ้าหน้าที่ตำรวจยังต้องสอบสวนเพิ่มเติมเกี่ยวกับการฉ้อโกงทรัพย์สิน และหาความเชื่อมโยงกับผู้ร่วมกระทำผิดหรือเครือข่ายอื่นๆ ที่อาจเกี่ยวข้อง
เหตุการณ์นี้เป็นตัวอย่างสำคัญที่สะท้อนให้เห็นถึงความร้ายแรงของการปลอมแปลงเอกสารและการแอบอ้างตำแหน่งราชการ เจ้าหน้าที่จึงขอเตือนประชาชนให้ตรวจสอบข้อมูลอย่างละเอียดก่อนทำธุรกรรมทางการเงิน หรือให้ความร่วมมือกับบุคคลที่แอบอ้างตำแหน่งหน้าที่ราชการ