ผู้นำยูเครนกล่าวว่า ความมั่นคงของยูเครนนั้น ขึ้นอยู่กับว่าสหรัฐฯนั้นจะเอาจริงเอาจังแค่ไหน
เป็นการรายงานข่าวมาจากสำนักข่าวต่างประเทศจากกรุงเคียฟ ประเทศยูเครน ในวันนี้ (6 มกราคม 2568) ว่าผู้นำยูเครนกล่าวว่า ความมั่นคงและความปลอดภัยของประเทศ จะเกิดขึ้นได้จริง หากสหรัฐ จริงจังเท่านั้น โดยประธานาธิบดีโวโลดิเมียร์ เซเลนสกี ผู้นำยูเครน กล่าวว่า รัฐบาลเคียฟและชาวยูเครน มีความเชื่อมั่นในตัวของนายโดนัลด์ ทรัมป์ ซึ่งจะกลับมารับตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐ ในวันที่ 20 ม.ค. นี้ จะสามารถ กดดันอย่างแท้จริง ให้รัฐบาลมอสโก สามารถยอมรับ สันติภาพที่ยั่งยืน
ขณะเดียวกัน ผู้นำยูเครนกล่าวว่า รัฐบาลวอชิงตันในยุคทรัมป์ มีบทบาทสำคัญ ในการบริหารจัดการความปลอดภัยและความมั่นคงให้กับยูเครน และเน้นย้ำความจำเป็นของ การสร้างสันติภาพผ่านความแข็งแกร่ง คือหนทางที่จะสามารถยุติความขัดแย้ง ซึ่งยืดเยื้อจนจะเข้าสู่ปีที่สามแล้ว ก่อนหน้านั้นเพียงไม่กี่วัน เซเลนสกีกล่าวว่า ทรัมป์เป็นบุคคลที่แข็งแกร่ง แต่คาดเดาได้ยาก และเขาหวังว่า ทรัมป์จะใช้ ความคาดเดาได้ยาก ในการจัดการกับรัสเซียด้วย พร้อมทั้งเรียกร้องความสนับสนุนด้านอาวุธจากตะวันตกอีกครั้ง นอกจากนี้ เซเลนสกีสนับสนุนแนวคิดของฝรั่งเศส ในการส่งทหารรักษาสันติภาพเข้าไปประจำการในยูเครน
อย่างไรก็ตาม ผู้นำยูเครนกล่าวว่า เรื่องนี้ไม่ควรเป็นแนวคิดของประเทศหนึ่งประเทศใด แต่ควรเป็นไปในทางเดียวกัน สำหรับประเทศที่เป็นสมาชิกองค์การสนธิสัญญาแอตแลนติกเหนือ (นาโต) อย่างไรก็ตาม เซเลนสกียอมรับว่า ทหารยูเครน “กำลังเหนื่อยล้าอย่างหนัก” กับการบุกอย่างไม่หยุดยั้งของรัสเซีย จากข้อมูลจากสถาบันการศึกษาสงคราม (ไอเอสดับเบิลยู) ซึ่งเป็นหนึ่งในองค์กรอิสระทางวิชาการของสหรัฐ ระบุว่า กองทัพรัสเซียสามารถรุกคืบดินแดนในยูเครนได้ 3,985 ตารางกิโลเมตร เมื่อปี 2567 เพิ่มขึ้นมากกว่า 7 เท่า เมื่อเทียบกับสถิติของปี 2566



