ป้าแต๊งทนไม่ไหว! น้ำตาไหล ถูกตราหน้าเกาะน้องกิน วอนอยากได้น้องที่เป็นคนธรรมดา
ยังคงเป็นประเด็นร้อนที่ถูกพูดถึงอย่างกว้างขวางในโซเชียล สำหรับกรณีดราม่าของ 4 พี่สาวของแน็ก ชาลี โดยเฉพาะเรื่องที่เกี่ยวกับ "กงสี" ซึ่งเป็นประเด็นที่ถูกวิพากษ์วิจารณ์ไม่หยุด ล่าสุดเมื่อวันที่ 18 ธันวาคม 2567 ป้าแต๊ง หนึ่งในพี่สาว ได้ออกมาไลฟ์สดขายของพร้อมชี้แจงถึงเรื่องราวต่าง ๆ โดยเฉพาะประเด็น “กงสี” ที่หลายคนเข้าใจผิด และยังมีเสียงวิพากษ์วิจารณ์ในเชิงลบว่าเธอและพี่สาวคนอื่น ๆ ออกมาดราม่าเพราะเรื่องเงินและผลประโยชน์
ในการไลฟ์สดครั้งนี้ ป้าแต๊ง ได้ชี้แจงอย่างชัดเจนว่า กงสีที่เธอพูดถึงนั้นไม่ใช่กงสีที่เกี่ยวข้องกับน้องชายอย่าง แน็ก ชาลี แต่เป็นกงสีที่เธอและ 4 พี่สาวร่วมกันจัดตั้งขึ้น หลังจากแยกตัวออกมาเมื่อปลายเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมา โดยเธอเน้นย้ำว่า นี่เป็นกงสีของพี่สาวทั้ง 4 คน ซึ่งได้แก่ ป้าแต๊ง, ป้าตูน, ป้าแอ๊นท์, และป้าติ้ง ไม่ได้เกี่ยวข้องกับแน็กแต่อย่างใด
ป้าแต๊งได้อธิบายว่า ระบบกงสีนี้ช่วยให้เธอและพี่สาวสามารถบริหารเงินร่วมกัน มีเงินเดือน เงินกองกลางที่สามารถนำไปใช้จ่าย ไปเที่ยว หรือเลี้ยงลูกหลานได้ ซึ่งเป็นการจัดการทางการเงินภายในครอบครัวพี่สาวเท่านั้น และไม่เคยมีการเรียกร้องให้น้องชายหรือครอบครัวฝ่ายน้องชายมาร่วมรับผิดชอบใด ๆ ทั้งสิ้น
นอกจากนี้ ป้าแต๊งยังกล่าวด้วยความสะเทือนใจว่า เธอต้องทนกับคำครหาว่า “เกาะน้อง” หรือ “ให้น้องหาเลี้ยงผัว” มาโดยตลอด ซึ่งไม่เป็นความจริงเลย เธอแต่งงานและใช้ชีวิตอยู่ที่ นครสวรรค์มานานกว่า 12 ปี โดยที่ไม่เคยขอเงินหรือต้องพึ่งพาน้องชายในการใช้ชีวิตแต่อย่างใด เธอยังเล่าว่า ระหว่างที่อยู่ที่นครสวรรค์ เธอได้พบเจอผู้คนที่ดีและได้รับแรงบันดาลใจจากการทำธุรกิจแบบกงสีของครอบครัวคนอื่น ๆ ที่ร่วมมือกันผลักดัน ส่งเสริมให้ลูกหลานมีชีวิตที่มั่นคงและสุขสบาย
ป้าแต๊งเปิดใจทั้งน้ำตาว่า เธอไม่ต้องการให้น้องชายกลายเป็น “เทวดา” ในสายตาของใคร ๆ แต่เธออยากให้น้องชายเป็นเพียง “คนธรรมดา” ที่สามารถทำผิดได้ แก้ไขได้ และเรียนรู้จากความผิดพลาดได้ เธออยากให้พี่น้องยังสามารถพูดคุยกันได้ ตักเตือนกันได้ และหากทำผิดก็สามารถขอโทษและชดเชยให้กันและกันได้ เธอย้ำว่า สิ่งที่เธอต้องการมีเพียงเท่านี้ และไม่เคยไปเรียกร้องสิ่งใดจากน้องชายเลย
การจัดตั้งกงสีของ 4 พี่สาวไม่เพียงแต่ช่วยให้พวกเธอมีความมั่นคงทางการเงิน แต่ยังเป็นการวางแผนระยะยาวเพื่อดูแลลูกหลานให้มีอนาคตที่ดีขึ้น ซึ่งป้าแต๊งกล่าวว่า การที่พวกเธอมีเงินกงสีร่วมกัน ทำให้สามารถแบ่งเบาภาระของกันและกัน ช่วยให้แต่ละคนมีโอกาสตั้งตัวได้ โดยเฉพาะในช่วงเวลาที่เศรษฐกิจไม่แน่นอน การมีระบบกงสีจึงเป็นทางออกที่ช่วยให้ครอบครัวมีความมั่นคงยิ่งขึ้น
จากประเด็นดราม่าที่เกิดขึ้น ทำให้เห็นว่าปัญหาความสัมพันธ์ในครอบครัวมักถูกขยายความเกินจริงในโลกโซเชียล จนกลายเป็นความขัดแย้งที่ไม่สิ้นสุด ป้าแต๊งจึงขอความเห็นใจจากชาวเน็ตให้มองเห็นความจริงในมุมของพวกเธอด้วย เธอไม่ต้องการให้การวิพากษ์วิจารณ์ส่งผลกระทบต่อความสัมพันธ์ของครอบครัวหรือทำให้ใครคนใดคนหนึ่งต้องเจ็บปวดจากคำพูดที่รุนแรง
ป้าแต๊งหวังว่าการชี้แจงครั้งนี้จะทำให้หลายคนเข้าใจในสิ่งที่เกิดขึ้น และหยุดการเผยแพร่ข้อมูลที่ไม่ถูกต้อง ซึ่งทำร้ายจิตใจของคนในครอบครัว เธอยังกล่าวทิ้งท้ายว่า เธออยากให้ความสัมพันธ์ของพี่น้องกลับมาเป็นเหมือนเดิม สามารถพูดคุย รับฟัง และให้อภัยกันได้ เพราะสุดท้ายแล้ว “ครอบครัว” คือสิ่งที่สำคัญที่สุด และไม่ควรปล่อยให้ดราม่าหรือความเข้าใจผิดมาทำลายความรักที่มีให้กัน