เผยสาเหตุ โนโรไวรัส แอลกฮอล์ยับยั้งไม่อยู่แล้วนะ
สรุปข่าว: "พญ. จุไร วงศ์สวัสดิ์ แถลงเตือน โนโรไวรัสใช้แอลกอฮอล์ไม่ได้ ต้องสบู่เท่านั้น"
เมื่อเร็ว ๆ นี้ พญ. จุไร วงศ์สวัสดิ์ ผู้เชี่ยวชาญจาก กรมควบคุมโรค ได้ออกมาแถลงเตือนเกี่ยวกับวิธีการป้องกันการติดเชื้อ โนโรไวรัส ซึ่งเป็นหนึ่งในเชื้อไวรัสที่มีความเสี่ยงสูงในการแพร่ระบาดอย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะในช่วงฤดูฝนหรือฤดูหนาวที่มีการพบผู้ป่วยเพิ่มขึ้นในหลายพื้นที่ทั่วประเทศ
พญ. จุไร กล่าวในงานแถลงข่าวว่า โนโรไวรัส เป็นเชื้อไวรัสที่สามารถทำให้เกิดอาการท้องเสียรุนแรง อาเจียน คลื่นไส้ และปวดท้อง โดยส่วนใหญ่มักจะติดเชื้อจากการสัมผัสหรือรับประทานอาหารที่ปนเปื้อนเชื้อโรค นอกจากนี้ยังสามารถแพร่กระจายจากการสัมผัสกับสิ่งของหรือพื้นผิวที่มีการปนเปื้อนเชื้อไวรัส เช่น ลูกบิดประตู, ที่นั่งสาธารณะ และแม้กระทั่งการสัมผัสมือที่ไม่สะอาด
แอลกอฮอล์ไม่สามารถฆ่าโนโรไวรัสได้
หนึ่งในประเด็นสำคัญที่ พญ. จุไร ได้เน้นย้ำคือการใช้ แอลกอฮอล์ เพื่อฆ่าเชื้อไวรัส ซึ่งไม่สามารถฆ่า โนโรไวรัส ได้อย่างมีประสิทธิภาพเหมือนกับเชื้อโรคบางชนิด การศึกษาและข้อมูลจาก ศูนย์ควบคุมและป้องกันโรค (CDC) ระบุว่า แอลกอฮอล์ ไม่สามารถทำลายโครงสร้างของ โนโรไวรัส ได้ เนื่องจากลักษณะพิเศษของไวรัสชนิดนี้ที่มีเปลือกโปรตีนที่ทนทานต่อสารบางชนิด รวมถึงแอลกอฮอล์
พญ. จุไร ได้กล่าวว่า การใช้ แอลกอฮอล์เจล หรือ แอลกอฮอล์ ไม่สามารถกำจัดเชื้อไวรัสจากมือได้อย่างมีประสิทธิภาพ และอาจทำให้เกิดความเข้าใจผิดว่าเราปลอดภัยจากการติดเชื้อ โดยเฉพาะเมื่อไปสัมผัสสิ่งของสาธารณะหรือพื้นที่ที่อาจมีการปนเปื้อนเชื้อไวรัส
ล้างมือด้วยสบู่และน้ำดีที่สุด
ทาง พญ. จุไร ได้แนะนำว่า การล้างมือด้วยสบู่และน้ำ เป็นวิธีที่มีประสิทธิภาพสูงสุดในการกำจัดโนโรไวรัสจากมือ เพราะการใช้สบู่ช่วยขจัดคราบไขมันและสารต่าง ๆ ที่เชื้อไวรัสจับอยู่บนผิวหนัง รวมถึงการทำลายโครงสร้างของไวรัสได้ดีกว่าแอลกอฮอล์
การล้างมือที่ถูกวิธี คือการล้างมืออย่างน้อย 20 วินาที โดยการถูสบู่ทั่วทั้งมือและซอกนิ้วต่าง ๆ รวมทั้งข้อศอกและปลายนิ้วให้ทั่ว ซึ่งจะช่วยให้การล้างมือมีประสิทธิภาพมากขึ้นในการขจัดเชื้อโรคต่าง ๆ รวมถึงโนโรไวรัสได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ข้อแนะนำเพิ่มเติมในการป้องกันโรคโนโรไวรัส
พญ. จุไร ยังได้กล่าวถึงการป้องกันการติดเชื้อโนโรไวรัสเพิ่มเติมว่า:
1. หลีกเลี่ยงการสัมผัสกับผู้ที่มีอาการท้องเสียหรืออาเจียน และควรแยกตัวจากผู้ป่วยในช่วงที่มีอาการ
2. ทำความสะอาดพื้นที่ใช้ร่วมกัน เช่น ห้องน้ำ, ที่นั่งสาธารณะ, และพื้นที่ในบ้าน โดยการใช้สารฆ่าเชื้อที่มีประสิทธิภาพ
3. ทิ้งอาหารที่อาจมีการปนเปื้อนเชื้อไวรัส ทันทีหลังการใช้งาน และควรทำความสะอาดมือหลังการสัมผัสอาหาร
4. หลีกเลี่ยงการใช้สิ่งของร่วมกับผู้อื่น เช่น ผ้าขนหนู, แก้วน้ำ, หรือช้อนส้อม
สรุป
การติดเชื้อ โนโรไวรัส เป็นโรคที่สามารถแพร่ระบาดได้ง่าย และมักจะเกิดจากการสัมผัสสิ่งของหรือพื้นผิวที่ปนเปื้อนเชื้อไวรัส การป้องกันที่ดีที่สุดคือการ **ล้างมือให้สะอาดด้วยสบู่และน้ำ** ซึ่งมีประสิทธิภาพสูงในการขจัดเชื้อไวรัสนี้ เมื่อเปรียบเทียบกับการใช้ **แอลกอฮอล์** ที่อาจไม่สามารถทำลายโนโรไวรัสได้อย่างเพียงพอ การเข้าใจข้อมูลเหล่านี้และปฏิบัติตามคำแนะนำจะช่วยลดความเสี่ยงจากการติดเชื้อและการแพร่ระบาดของโรคได้อย่างมีประสิทธิภาพ.
พญ. จุไร วงศ์สวัสดิ์ ยังได้เน้นย้ำว่า หากทุกคนร่วมมือกันดูแลสุขอนามัยส่วนตัวและรักษาความสะอาดให้ดี จะช่วยลดการระบาดของโรคและช่วยให้สังคมปลอดภัยจากเชื้อไวรัสต่าง ๆ ได้.