สื่อเกาหลีตีข่าว คนเกาหลีในเรือนจำไทย ไลฟ์สดจากเรือนจำได้ชิวๆ อ้างว่าจ่ายเงินให้ผู้คุมเลยทำได้

เหตุการณ์ที่นักโทษชาวเกาหลีใต้รายหนึ่ง ถ่ายทอดสดไลฟ์จากเรือนจำในประเทศไทยกลายเป็นประเด็นร้อนในสื่อมวลชนทั้งในไทยและเกาหลีใต้ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เมื่อ JTBC News สำนักข่าวเกาหลีใต้ ได้รายงานว่า นักโทษรายนี้สามารถไลฟ์ผ่านแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียได้อย่างอิสระ แม้จะอยู่ในเรือนจำ

เหตุการณ์ดังกล่าวก่อให้เกิดข้อสงสัยและวิพากษ์วิจารณ์ในสังคมทั้งในเรื่องการควบคุมตัวผู้ต้องหาในเรือนจำของไทย และประเด็นการใช้โทรศัพท์มือถือในสถานที่คุมขัง

เรื่องราวเริ่มต้นเมื่อตำรวจเกาหลีใต้เริ่มสืบสวนคดีลักลอบขนยาเสพติดรายใหญ่ โดยพบว่ามีการซ่อนยาเสพติดใน กล่องกาแฟ และ เก้าอี้บีนแบ็ก เพื่อลักลอบนำเข้าประเทศเกาหลีใต้

จากการสืบสวน ผู้เกี่ยวข้องส่วนใหญ่ถูกจับกุมในเกาหลีใต้ แต่ นายเอ (นามสมมติ) ผู้ต้องสงสัยหลักสามารถหลบหนีออกจากเกาหลีใต้ และมุ่งหน้ามายังประเทศไทย

ทางการเกาหลีใต้ได้ประสานงานกับตำรวจไทย จนนำไปสู่การจับกุมตัวนายเอ ก่อนถูกส่งตัวไปยังเรือนจำไทยเพื่อรอการส่งกลับไปดำเนินคดีในประเทศเกาหลีใต้

สิ่งที่ทำให้กรณีนี้กลายเป็นข่าวดังไม่ได้อยู่ที่ตัวคดีลักลอบขนยาเสพติดเท่านั้น แต่เป็นเพราะนายเอสามารถ ถ่ายทอดสดไลฟ์จากเรือนจำ ในไทยได้หลายครั้ง โดยมีรายละเอียดที่สร้างความสนใจและวิพากษ์วิจารณ์ในสังคมอย่างกว้างขวาง

ไลฟ์ในรถขณะถูกส่งตัวไปเรือนจำ

• ในคลิปหนึ่ง นายเอจุดบุหรี่และพูดกับผู้ชมว่า

        "ผมมาที่เมืองไทยและถูกตัดสินให้ติดคุก ขอบคุณสำหรับการสนับสนุน มันทำให้ผมมีความกล้ามากขึ้น"

ไลฟ์จากภายในเรือนจำไทย

• นายเอถ่ายทอดสดขณะอยู่ในเรือนจำ โดยในคลิปหนึ่งเขาแนะนำนักโทษไทยรายหนึ่งพร้อมกล่าวว่า 

        "นี่คือเด็กที่แทงคนไป 5 คน"

• นายเอยังกล่าวว่าคุกในไทยมีการจำกัดเสรีภาพสำหรับนักโทษไทยมากกว่า แต่สำหรับชาวต่างชาติสามารถมีเสรีภาพเล็กน้อย โดยเขาได้กล่าวอย่างมั่นใจว่า

        "ผมจ่ายเงินเพื่อใช้โทรศัพท์ในคุกได้ ไม่มีใครในคุกนี้ที่ไม่ได้รับเงินจากผม"

ไลฟ์พร้อมวิวทะเลของพัทยา

• นายเอยังพูดในไลฟ์อีกว่า เขาเกือบตัดสินใจแหกคุกเพราะความงดงามของทะเลพัทยาที่เขาเห็น พร้อมปิดท้ายด้วยการขอให้ผู้ชมช่วยกดไลก์และติดตามช่องของเขา

หลังจากกรณีนี้กลายเป็นข่าวดัง กรมราชทัณฑ์ของไทยได้ออกมาชี้แจงโดยระบุว่า:

• นายเอไม่ได้ถูกคุมขังในเรือนจำพิเศษพัทยา

        จากการตรวจสอบข้อมูลของกรมราชทัณฑ์ ไม่มีชื่อของนายเอในฐานข้อมูลผู้ต้องขังของเรือนจำ

• การใช้โทรศัพท์มือถือในเรือนจำถือเป็นสิ่งต้องห้าม

        กรมราชทัณฑ์ย้ำว่าโทรศัพท์มือถือเป็นสิ่งของต้องห้ามในเรือนจำ หากพบว่าผู้ต้องขังหรือเจ้าหน้าที่ฝ่าฝืนกฎดังกล่าว จะต้องถูกดำเนินการทางวินัย