ศาลตัดสินประหารชีวิต 'แอม ไซยาไนด์' ปมคดีสะเทือนขวัญ อดีตสามีและทนายโดนจำคุก
ในวันที่ 20 พฤศจิกายน 2567 ศาลอาญา ถนนรัชดาภิเษก ได้มีการอ่านคำพิพากษาในคดีที่สะเทือนขวัญของ แอม ไซยาไนด์ หรือ นางสรารัตน์ อายุ 36 ปี ซึ่งถูกฟ้องในข้อหาฆ่าผู้อื่นโดยการวางสารไซยาไนด์ในอาหารเพื่อฆ่าผู้เสียชีวิต โดยมีกำหนดการพิจารณาคดีอย่างรอบคอบจากการสอบสวนและพยานหลักฐานที่มีอยู่ ทั้งนี้ ศาลมีคำสั่งประหารชีวิต แอม ไซยาไนด์ ในฐานะผู้ก่อเหตุฆาตกรรมอย่างโหดเหี้ยมและมีการวางแผนล่วงหน้าเพื่อสะดวกในการกระทำความผิด รวมถึงการกระทำอันไร้มนุษยธรรมในการชิงทรัพย์จนทำให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย
นอกจากนี้ ศาลยังได้ตัดสินจำคุก พ.ต.ท.วิฑูรย์ อายุ 40 ปี ซึ่งเป็น อดีตสามีของแอม และ อดีตรองผกก. สภ.สวนผึ้ง ในข้อหาช่วยเหลือจำเลยที่ 1 โดยการไม่เปิดเผยการกระทำผิด และซ่อนเร้นทำลายหลักฐานสำคัญที่เกี่ยวข้องกับคดี ซึ่งทำให้ศาลตัดสินให้เขารับโทษจำคุก 1 ปี 4 เดือน โดยไม่รอลงอาญา ขณะที่ ทนายพัช หรือ น.ส.ธันย์นิชา ซึ่งเป็นทนายความของแอมก็ถูกตัดสินจำคุก 2 ปี ไม่รอลงอาญาในข้อหาช่วยเหลือในการหลบหนีการลงโทษและการทำลายหลักฐานที่เกี่ยวข้องกับคดี
การตัดสินคดีในครั้งนี้ได้รับความสนใจจากสาธารณชนและผู้ติดตามคดีเป็นอย่างมาก เพราะเหตุการณ์การฆ่าผู้อื่นโดยการวางยาพิษในคดีนี้เป็นเรื่องที่สะเทือนขวัญและสร้างความตกใจให้แก่สังคมไทย เนื่องจากการกระทำของจำเลยมีการวางแผนที่ร้ายกาจและมีผลกระทบต่อชีวิตของผู้อื่นในสังคมอย่างมากมาย
การฆ่าผู้อื่นโดยไซยาไนด์
คดีนี้เริ่มต้นจากการที่ แอม ไซยาไนด์ วางสารไซยาไนด์ในอาหารเพื่อฆ่าเพื่อนผู้ชายคนหนึ่งที่มีการติดต่อกับเธอในเรื่องของธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับการข่มขู่และขโมยทรัพย์สิน แอม และอดีตสามีของเธอ พ.ต.ท.วิฑูรย์ ได้มีการร่วมมือกันในการเตรียมการฆาตกรรม โดยทั้งสองมีส่วนร่วมในการวางแผนและซ่อนเร้นหลักฐานที่สามารถเอาผิดได้
การฆ่าเพื่อนคนดังกล่าวนำไปสู่การสอบสวนและการเปิดเผยว่า แอม ไซยาไนด์ไม่ได้กระทำเพียงแค่การฆ่า แต่ยังมีการกระทำความผิดอื่นๆ อาทิเช่น การชิงทรัพย์ และ การปลอมแปลงอาหาร โดยมีเจตนาเพื่อประโยชน์ส่วนตัวของตนเอง ซึ่งในที่สุดการสืบสวนก็ได้เปิดเผยข้อเท็จจริงที่เชื่อมโยงไปถึงการกระทำผิดของทั้ง แอม ไซยาไนด์, พ.ต.ท.วิฑูรย์, และ ทนายพัช
กระบวนการพิจารณาคดีและคำพิพากษา
ในการพิจารณาคดีของ แอม ไซยาไนด์, พ.ต.ท.วิฑูรย์, และ ทนายพัช ศาลได้พิจารณาหลักฐานทั้งหมดที่นำเสนอต่อศาล รวมถึงพยานหลักฐานที่เป็นประโยชน์จากทางฝ่ายโจทก์ ซึ่งประกอบด้วยการตรวจสอบสารพิษไซยาไนด์ในอาหารของผู้เสียชีวิต และหลักฐานจากการดำเนินการร่วมกันในการฆ่าผู้อื่นเพื่อผลประโยชน์ทางธุรกิจและส่วนตัว โดยที่มีการเตรียมการอย่างรอบคอบเพื่อหลบเลี่ยงการถูกจับกุมในเบื้องต้น
คดีนี้สะท้อนถึงปัญหาด้านการดำเนินการทางกฎหมาย
หนึ่งในข้อสงสัยที่ถูกตั้งคำถามในคดีนี้คือการที่ไม่มี ประจักษ์พยาน ที่สามารถเห็นเหตุการณ์การวางยาไซยาไนด์ได้โดยตรง แต่ด้วยหลักฐานทางนิติวิทยาศาสตร์ เช่น การพบสารไซยาไนด์ในร่างกายของผู้เสียชีวิต และหลักฐานจากการสอบสวนอย่างละเอียดทำให้ศาลตัดสินลงโทษตามความผิดที่จำเลยกระทำได้อย่างถูกต้อง
ทนาย เดชา กิตติวิทยานันท์ หนึ่งในทนายความที่ร่วมต่อสู้คดีได้กล่าวถึงความยากลำบากของการดำเนินคดีนี้ว่า จุดบอดสำคัญของคดีคือการที่ไม่มีประจักษ์พยานหรือผู้ที่เห็นเหตุการณ์ในขณะวางยาพิษ แต่ด้วยหลักฐานที่สมบูรณ์จากการพิสูจน์ของเจ้าหน้าที่และการกระทำผิดที่ชัดเจน ศาลจึงได้ตัดสินลงโทษจำเลยอย่างเด็ดขาด
คำพิพากษาและผลกระทบต่อผู้เกี่ยวข้อง
เมื่อผลคำพิพากษาออกมาว่า แอม ไซยาไนด์ ต้องรับโทษประหารชีวิตในข้อหาฆ่าผู้อื่นโดยการวางยาพิษ, พ.ต.ท.วิฑูรย์ ได้รับโทษจำคุก 1 ปี 4 เดือน, และ ทนายพัช ถูกตัดสินจำคุก 2 ปีไม่รอลงอาญา โดยยังต้องชดใช้ค่าเสียหายให้กับผู้เสียหายจำนวน 2 ล้านบาท ทำให้คดีนี้ไม่เพียงแต่เป็นการลงโทษแก่ผู้กระทำผิด แต่ยังเป็นการเตือนสังคมให้ตระหนักถึงอันตรายจากการกระทำร้ายแรงที่อาจส่งผลกระทบทั้งในด้านความปลอดภัยของชีวิตและทรัพย์สินของผู้อื่น
ก