ดาวติ๊กต๊อกคนดังของไทย ถูกสืบนครบาลรวบตัวแล้ว
"สืบนครบาล" ร่วมกันสืบสวนติดตามจับกุมตัว "พลอย" ดาวติ๊กต็อกชื่อดังของไทย วัย 21 ปี ซึ่งมีบ้านอยู่ที่ ซอยสุเหล่าคลองหนึ่ง 13 แขวงคลองสามวา เขตคลองสามวา กรุงเทพ โดยผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญามีนบุรี ที่ จ.1231/2567 ลงวันที่ 10 กันยายน 2567 ในข้อหา "ลักทรัพย์ในเคหสถานสถานที่ราชการ ลักทรัพย์โดยทำอันตรายสิ่งกีดกั้น สำหรับคุ้มครองบุคคลหรือทรัพย์" ซึ่งเธอจับกุมตัวได้ที่อาคารผู้โดยสารขาเข้า จุดผ่านแดนถาวรบ้านคลองลึก ต.อรัญประเทศ อ.อรัญประเทศ จ.สระแก้ว
พฤติการณ์กล่าวคือ เธอมีพฤติกรรมลักขโมยทรัพย์สินที่บ้าน ของชายหนุ่มที่มีความสัมพันธ์กับเธอ จนเป็นที่ปรากฏภาพจากสื่อมวลชนหลายสำนัก เมื่อปลายเดือนกรกฎาคม 2567 ที่ผ่านมา ต่อมาวันที่ 10 กันยายน 2567 พนักงานสอบสวน สน.นิมิตรใหม่ ได้ออกหมายจับเธอในข้อหา "ลักทรัพย์ในเคหสถานสถานที่ราชการ ลักทรัพย์โดยทำอันตรายสิ่งกีดกั้นสำหรับคุ้มครองบุคคลหรือทรัพย์" จากกระแสสังคมที่มีการประโคมข่าวของเธอ ทำให้เธอหนีหายเข้ากลีบเมฆไปอย่างไร้ร่องรอย
ล่าสุดวันที่ พลตำรวจตรี "ธีรเดช ธรรมสุธีร์" ผบก.สส.บช.น. ได้ส่งชุดสืบนครบาลนำโดย "สารวัตรแจ๊ะ" ร่วมกับ กก.สส.ภ.จว.สระแก้ว และ ตม.จว.สระแก้ว ร่วมกันจับกุมตัวเธอ ได้ที่อาคารผู้โดยสารขาเข้า จุดผ่านแดนถาวรบ้านคลองลึก ต.อรัญประเทศ อ.อรัญประเทศ จ.สระแก้ว
"พลอย" ให้การรับสารภาพตลอดข้อกล่าวหา โดยให้การว่า "ฉันกำลังประสบปัญหาทางการเงินอย่างหนัก เนื่องจากติดพนันออนไลน์" และ "ไม่สามารถยืมเงินของแฟนหนุ่มได้ เนื่องจากตอนนั้นแฟนของฉันอยู่ที่ปอยเปต กำลังเข้าไปเปิดบัญชีม้า และ คอยสแกนหน้าให้กับกลุ่มมิจฉาชีพอยู่ ฉันจึงตัดสินใจเข้าไปขโมยทรัพย์สิน ในบ้านของเขาตามที่เห็นจากภาพกล้องวงจรปิด ซึ่งฉันได้ทรัพย์สินไปประมาณ 60,000 บาท จากนั้นฉันก็ได้หลบหนีโดยติดต่อไปที่ TikTok หนึ่งซึ่งเป็นที่รับสมัครไป เป็นแก๊งคอลเซ็นเตอร์ โดยมีรายละเอียดว่าหากไปทำงานกับเค้าจะได้เงินเดือน เดือนละ 25,000 บาท และ ยังมีเงินพิเศษรายวัน หากทำยอดหลอกลวงแตะตามเป้าหมายที่วางไว้ เริ่มต้น 5% ของเงินที่หลอกได้/รายวัน, 7% ของเงินที่หลอกได้/รายเดือน โดยมีเงินขั้นต่ำ 50,000-100,000 บาท แต่หากทั้งเดือนหลอกได้ไม่ถึง 50,000 บาท จะไม่ได้รับเงินเดือนเลย ฉันเห็นรายละเอียดแล้วสนใจจึงตัดสินใจ ข้ามไปเป็นแก๊งคอลเซ็นเตอร์ โดยข้ามประเทศด้วยการใช้เส้นทางธรรมชาติ เมื่อข้ามไปถึงฝั่งประเทศเพื่อนบ้าน ก็มีคนมารับพาไปและเข้าทำงานที่ชั้น 12 ของอาคาร 25 ชั้น"
"พลอย" กล่าวว่า "ฉันทำงานเป็นคอลเซ็นเตอร์ รูปแบบหลอกให้รัก แล้วชวนทำภารกิจดันสินค้า [ซึ่งไม่มีจริง] โดยหัวหน้าจะให้สร้างโปรไฟล์เฟสบุ๊กและไลน์ เพื่อตีสนิทกับเหยื่อก่อนประมาณ 15 วัน เมื่อเหยื่อหลงรักเราแล้วก็จะค่อยๆ ชักชวนให้เข้ากลุ่มไลน์ ซึ่งไลน์อวตารอีก 4 อัน เป็นหน้าม้าและมีการทำสลิปโอนเงินปลอม เพื่อล่อใจเหยื่อให้ทำภารกิจดันสินค้านี้ โดยระหว่างที่อยู่ที่แรกนี้มีเหยื่อที่หลงเชื่อ และ เริ่มคุยกับตนแล้วประมาณ 10 คน ซึ่งหลังจากฉันอยู่ที่ตึก 25 ชั้นนี้ได้เพียง 1 สัปดาห์ คดีของฉันก็เกิดเป็นข่าวขึ้น ทำให้หัวหน้าชาวจีน สั่งย้ายฉันไปหลบอยู่อีกออฟฟิศหนึ่งทันที ซึ่งเป็นตึก 4 ชั้นในซอยวัดใหม่ โดยเมื่อทำงานที่นี่เป็นรูปแบบการหลอกลวง ลักษณะเดียวกับที่แรก แต่เปลี่ยนตัวสินค้าที่ให้เหยื่อทำภารกิจ โดยที่แก๊งคอลเซ็นเตอร์แห่งที่ 2 นี้ ตนใช้เฟสอวตาร ชื่อ "ก้อย" แค่อันเดียว ฉันได้ลูกค้าประมาณ 20 กว่าคน และ มีคนหลงเชื่อให้หลอกจำนวน 1 คน ซึ่งฉันได้เงิน 25,000 บาท แต่ฉันเห็นคนเก่งๆในแก๊งคอล สามารถหลอกลวงพยาบาลสาว ได้เงินมากถึง 5 ล้านบาท ฉันจึงพยายามตั้งใจทำงานมากขึ้น เพราะหวังว่าจะได้เงินเยอะๆ..."
"พลอย" กล่าวอีกว่า "แต่เมื่อทำงานไปได้ระยะหนึ่ง ก็ประสบปัญหา โดยหัวหน้าของแก๊งคอลเซ็นเตอร์นี้ เป็นชาวไทยชื่อว่า "แสบ" เขาได้เข้ามาตีสนิทและบีบบังคับให้ฉัน เป็นเมียน้อยของเขา โดยเขาจะให้เงินเดือนฉัน เดือนละ 30,000 บาท โดยที่ไม่ต้องทำอะไรเลย... แต่ฉันปฏิเสธไป เขาก็ไล่ฉันออกทันที ซึ่งหลังถูกไล่ออกฉันก็ได้ไปเข้าทำงานที่แก๊งคอลเซ็นเตอร์แห่งที่ 3 ซึ่งเรียกกันว่า "หลังบ่อตกปลา" โดยการหลอกจะเป็นรูปคล้ายเดิม คือหลอกให้รักแล้วชวนลงทุนเทรดหุ้น ในแพลตฟอร์มเก๊ ซึ่งท้ายสุดเหยื่อจะถอนเงินออกไม่ได้ ซึ่งทำงานได้เพียง 3 วัน แล้วแฟนของฉันที่เป็นคู่กรณี ก็ได้ทักมาบอกว่าสารวัตรแจ๊ะ จะไปตามจับให้หลบหนี ซึ่งถัดมาเพียง 2 วัน ก็มีตำรวจมาจับกุมฉันจริงๆ ระหว่างเดินทางไปทำงาน โดยช่วงชีวิตที่ผ่านมา 2 เดือนนี้ ฉันรู้สึกได้ว่าถลำลึกไปมาก โดยตอนแรกคิดเพียงว่าจะไปหาเงินสักก้อนหนึ่ง เพื่อนำกลับมาชดใช้ ไม่คิดว่าชีวิตจะถลำลึกถึงเพียงนี้ อยากให้ชีวิตฉันเป็นอุทาหรณ์ให้กับสังคม ส่วนปัญหาเรื่องแก๊งคอลเซ็นเตอร์นั้น ฉันคิดว่าคงแก้ไม่ได้ เพราะรายได้ดี อย่างไรก็ล่อตาล่อใจให้คนมาทำได้ง่ายๆ..."
"ธีรเดช ธรรมสุธีร์" กล่าวว่า "ในส่วนทางคดีของการลักทรัพย์ จากการสืบสวนพบว่า ผู้ต้องหามีพฤติกรรมติดการพนันออนไลน์ ซึ่งเป็นสาเหตุหลักในการตัดสินใจ ในการก่อเหตุ โดยในชั้นจับกุมผู้ต้องหาให้การรับสารภาพ แต่ที่จะต้องมีการขยายผลต่อไป คือ เรื่องของแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ซึ่งจากการสืบสวนติดตามตัวช่วงที่ผ่านมา พบข้อมูลพยานหลักฐานสอดคล้องกับเหตุการณ์ ที่ผู้ต้องหาให้ข้อมูลจริง ซึ่งเป็นที่น่าตกใจเมื่อพบว่าธุรกิจแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ได้เติบโตและระบาดในประเทศเพื่อนบ้านเป็นอย่างมาก..."