"สนธิ ลิ้มฯ" เผย สันดานนักการเมือง เขียนด้วยมือ-ลบด้วยเท้า เริ่มมีคนถาม "เทพเทือก" เงินบริจาค ไปอยู่ที่ไหน

นายสนธิ ลิ้มทองกุล อดีตแกนนำพันธมิตรฯ ได้โพสต์ในเฟซบุ๊ก คุยทุกเรื่องกับสนธิ โดยมีรายละเอียดดังนี้

‘สันดานนักการเมือง’ เขียนด้วยมือ-ลบด้วยเท้า

สันดานนักการเมือง เขียนด้วยมือ ลบด้วยเท้า กรณี กปปส. พรรคประชาธิปัตย์ หรือ ถ่มน้ำลายรดฟ้า 'ตระบัดสัตย์' เป็นวลีที่อธิบายพฤติกรรมของพวกเขาได้ วันนี้คนพวกนี้กลับปิดหูปิดตา ปิดปาก ความจำสั้น เข้าคิวรอร่วมรัฐบาลอุ๊งอิ๊ง แพทองธาร ชินวัตร เพื่อเกาะเก้าอี้เป็นรัฐมนตรีกันอย่างหน้าชื่นตาบานแบบไม่อายฟ้าอายดิน

ผมเป็นคนแรกที่ออกมาเปิด พอรายการออกไปทำเอาแม่ยกกองเชียร์พรรคประชาธิปัตย์ และ กปปส. นั่งไม่ติด เรียงแถวออกมาตัดช่องน้อย ปฏิเสธเป็นพัลวันว่า อย่าเหมารวม กปปส. ทุกคน เช่น คุณทยา ทีปสุวรรณ อดีตแกนนำ กปปส.โพสต์ข้อความ แต่ถูกคุณอัญชะลี ไพรีรัก หนึ่งในแกนนำ กปปส. ซึ่งปัจจุบันนั้นออกมาปกป้องลุงป้อมอย่างสุดลิ่มทิ่มประตู

แต่ที่เจ็บปวดที่สุดก็คือ ดร.เสรี วงษ์มณฑาที่ผมรู้จักมานานแล้วเราสนิทกันมาก อาจารย์เสรีเขียนระบายในโพสต์เฟซบุ๊กตัวเองค่อนข้างยาว…อาจารย์เสรีครับ ผมเห็นมานานแล้วว่าแกนนำ กปปส. นั้นส่วนใหญ่แล้วไว้ใจไม่ได้เลยแม้แต่นิดเดียว เพราะทุกคนหวังในอำนาจที่จะได้จากการประท้วง แล้วก็เป็นเช่นนั้นจริงๆ

วันศุกร์ที่ 23 สิงหาคม 2567 คุณแจ๊ค วัชระ เพชรทอง อดีต สส. พรรคประชาธิปัตย์ ออกมายื่นหนังสือถึงนายกรัฐมนตรี น.ส.แพทองธาร ชินวัตร ระบุว่า ก่อนหน้านี้สำนักงานตำรวจแห่งชาติมีหมายเรียกนายเอกนัฏ พร้อมพันธุ์ เลขาธิการพรรครวมไทยสร้างชาติ ไปให้ปากคำในคดี 112 ที่ทักษิณ ชินวัตร พูดที่ประเทศเกาหลีใต้ ตามที่ทักษิณยื่นหนังสือขอความเป็นธรรมให้สอบพยานเพิ่มเติม และนายเอกนัฏก็ไปให้ปากคำต่อหน้าตำรวจและอัยการในทางที่เป็นคุณ เป็นบวกกับนายทักษิณเสียด้วย

คำถามครับ ทำไมเอกนัฏจึงไปเป็นพยานให้นายทักษิณ ทั้งๆ ที่เคยเป็นเลขาธิการ กปปส. จริงๆแล้วนายเอกนัฏจะไป แล้วไม่ให้การ หรือบอกว่าไม่รู้ก็ได้ แต่กลับไปให้การเข้าข้างทักษิณ งานนี้มีความเป็นไปได้ไหมที่คุณสุเทพ เทือกสุบรรณ จะเป็นตัวเชื่อม

ตอนนี้เริ่มมีคนถามแล้วนะ คุณสุเทพครับ เงินบริจาคเป็นพันล้านที่มีคนสนับสนุน กปปส. แต่พวกคุณแกนนำไม่เคยแสดงบัญชีรายจ่ายเลยว่าตอนนี้เงินไปอยู่ที่ไหน ไปทำอะไรหมด

ท่านผู้ชมครับ คนที่เป็นรัฐมนตรีต้องพิการ หูหนวก ตาบอด ความจำสั้นทันที เพราะฉะนั้นการเมืองเมืองไทยจริงๆ แล้วมันไม่มีใครเป็นเทพ ที่บอกว่าตัวเองเป็นเทพ แค่เอาชุดมาแต่งเท่านั้น แต่แท้ที่จริงแล้วเนื้อแท้เป็นมารทั้งหมด เพื่อแสวงหาผลประโยชน์เข้าตัว