ทางการอินโดนีเซีย เลื่อนเก็บภาษีความหวานไปเป็นปีหน้า อันเนื่องมาจากปัญหาเศรษฐกิจภายในประเทศ
เป็นการรายงานข่าวมาจากสำนักข่าวเอเอฟพีรายงานจากกรุงจาการ์ตา ประเทศอินโดนีเซียเมื่อวานนี้ (30 สิงหาคม 2567) ว่าอินโดนีเซียเลื่อนแผนการจัดเก็บภาษีสรรพสามิตสำหรับเครื่องดื่มที่มีน้ำตาลอีกครั้ง แม้มีการเรียกร้องเพิ่มขึ้น เกี่ยวกับการควบคุมโรคอ้วน และโรคเบาหวาน ระหว่างการพิจารณาร่วมกับคณะกรรมาธิการสภาผู้แทนราษฎรชุดที่ 11 ซึ่งกำกับดูแลการเงิน นางศรี มุลยานี รมว.คลังอินโดนีเซีย กล่าวว่า รัฐบาลจะดำเนินการตามนโยบายดังกล่าว ในปี 2568 เพื่อให้สอดคล้องกับเป้าหมายของกระทรวงสาธารณสุข ในการควบคุมโรคเบาหวาน โดยเฉพาะในเด็ก โดยไม่ได้ให้เหตุผลที่ชัดเจนถึงการเลื่อนการจัดเก็บภาษี ก่อนหน้านี้ นายนิรวาลา ดวี เฮริยันโต ผู้อำนวยการฝ่ายสื่อสารและแนวทางสำหรับผู้ใช้บริการศุลกากรอินโดนีเซีย กล่าวว่า ความล่าช้าของการจัดเก็บภาษีสรรพสามิตนั้น เกิดจากสถานการณ์เศรษฐกิจที่ไม่เอื้ออำนวยในขณะนี้ แม้จะรวมภาษีเครื่องดื่มที่มีน้ำตาลและผลิตภัณฑ์พลาสติกไว้ในงบประมาณปี 2568 แต่เราไม่สามารถนำภาษีสรรพสามิตมาใช้ได้อย่างแน่นอน จนกว่ารัฐบาลจะออกกฎระเบียบเกี่ยวกับภาษีดังกล่าว เขากล่าว กระทรวงการคลังอินโดนีเซียได้พิจารณา แนวคิดการจัดเก็บภาษีเครื่องดื่มที่มีน้ำตาลมาตั้งแต่ปี 2552 แต่ต้องเผชิญกับความล่าช้าเป็นอย่างยิ่ง อันเนื่องมาจากการต่อต้านจากนิติบุคคล อนึ่ง ภาษีเครื่องดื่มมีน้ำตาลและผลิตภัณฑ์พลาสติกเคยจะถูกรวมอยู่ในงบประมาณปี 2566 แต่การดำเนินการถูกยกเลิก โดยมีการอ้างถึงการพิจารณาแนวทางทางกฎหมายที่ยังคงดำเนินอยู่ และการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจของประเทศ หลังการระบาดใหญ่ของโรคโควิด-19 ในเวลาต่อมา รัฐบาลกล่าวว่า ภาษีเครื่องดื่มที่มีน้ำตาลและผลิตภัณฑ์พลาสติกจะนำมาใช้ในงบประมาณปี 2567 เพื่อจัดเก็บภาษีเครื่องดื่มมีน้ำตาลให้ได้ปีละ 1.8 ล้านล้านรูเปียห์ (ราว 3,961 ล้านบาท) แต่การดำเนินการได้ถูกเลื่อนออกไปอีกครั้ง