เลิกคาใจ สิ้นสงสัยกันเสียที ว่าทำไมต้องขึ้นเครื่องบินจากฝั่งซ้ายของตัวเครื่อง

    เรื่องนี้มีที่มา โดยการขึ้นเครื่องบินทางด้านซ้ายมีต้นกำเนิดมาจากยุคการเดินเรือ ในสมัยนั้นหางเสือของเรือมักจะติดตั้งอยู่ทางด้านขวาเพื่อให้สะดวกในการควบคุมเรือ ดังนั้นเพื่อให้ง่ายต่อการเทียบท่า เรือจึงมักเทียบท่าทางด้านซ้ายเมื่อนำผู้โดยสารขึ้นและลงจากเรือ และแนวคิดนี้ก็ได้รับการสืบทอดและนำมาใช้ในอุตสาหกรรมการบินสมัยใหม่ ที่สนามบินสะพานเทียบเครื่องบินมักจะถูกออกแบบให้อยู่ทางด้านซ้ายของเครื่องบิน ทำให้ผู้โดยสารต้องขึ้นและลงจากทางด้านซ้าย 

นอกจากเหตุผลทางประวัติศาสตร์แล้ว ปัจจัยด้านความปลอดภัยก็มีบทบาทสำคัญเช่นกัน ในอดีตสนามบินหลายแห่งยังไม่มีสะพานเทียบเครื่องบินที่มีหลังคา ผู้โดยสารจึงต้องใช้รถบัสไปยังเครื่องบิน แล้วเดินขึ้นบันไดไปยังเครื่องบิน ซึ่งที่นั่งของกัปตันจะอยู่ทางด้านซ้ายของห้องนักบิน การให้ผู้โดยสารขึ้นจากประตูด้านซ้ายจึงช่วยให้กัปตันมองเห็นได้ง่ายและเพิ่มความปลอดภัยมากขึ้น 

ปัจจุบัน แม้สนามบินส่วนใหญ่จะมีสะพานเทียบเครื่องบินที่มีหลังคาครบครัน แต่เรื่องนี้ก็ยังคงถูกรักษาไว้เพื่อให้เป็นมาตรฐานและเพื่อความปลอดภัยในการขึ้นและลงจากเครื่องบิน การขึ้นเครื่องจากด้านซ้ายกลายเป็นมาตรฐานที่แพร่หลาย อย่างไรก็ตาม ในอดีตมีข้อยกเว้น เช่น ในยุคสหภาพโซเวียต เครื่องบินบางลำอนุญาตให้ผู้โดยสารขึ้นจากประตูด้านขวาได้ ประตูด้านซ้ายไม่ได้ใช้แค่สำหรับผู้โดยสารขึ้นและลงเครื่องเท่านั้น แต่ยังถูกออกแบบให้กิจกรรมบริการต่างๆ ดำเนินไปได้อย่างราบรื่น

ในขณะที่ประตูด้านขวาของเครื่องบินมักใช้สำหรับกิจกรรมบริการ เช่น การขนส่งสัมภาระ รถเข็นอาหาร และบริการอื่นๆ การแบ่งแยกนี้ช่วยให้การบริการและการขึ้นลงของผู้โดยสารไม่กีดขวางกัน และทำให้การขึ้นลงเครื่องบินเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ ในกรณีฉุกเฉิน ประตูทั้งสองฝั่งของเครื่องบินสามารถใช้เป็นทางออกได้ ประตูฉุกเฉินติดตั้งสไลด์นิรภัยเพื่อช่วยให้ผู้โดยสารออกไปข้างนอกได้อย่างรวดเร็ว สรุปคือ การขึ้นเครื่องบินจากประตูด้านซ้าย ไม่เพียงแต่สะท้อนถึงการผสมผสานของปัจจัยทางประวัติศาสตร์และความปลอดภัยเท่านั้น แต่ประตูด้านขวามักถูกใช้สำหรับการให้บริการต่าง ๆ เพื่อให้การขึ้นลงเครื่องเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพและปลอดภัย