สุดท้ายคดีพลิก หญิงที่อ้างว่าสามีถูกล่ามโซ่ไว้กลางป่า ที่แท้มีปัญหาทางจิตและไม่มีสามี
สืบเนื่องมาจากเหตุที่ ลลิตา คายิ กุมาร์ หญิงชาวอเมริกันวัย 50 ปีถูกพบในสภาพโดนล่ามโซ่ติดกับต้นไม้กลางป่า ก่อนหน้านี้ หลังจากที่ได้รับการรักษาทางกาย รวมถึงให้ยาและบำบัดทางจิต กุมาร์ก็ยอมรับว่าเธอยังไม่ได้แต่งงาน ไม่มีสามีและมีภาวะประสาทหลอนระหว่างที่ให้การต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจด้วยการเขียนข้อความ รายงานระบุว่ากุมาร์ให้การต่อเจ้าหน้าที่สืบสวนว่าเธอเป็นคนซื้อกุญแจล็อกและโซ่มาเอง จากนั้นก็จัดการล่ามตัวเองติดกับต้นไม้เพราะรู้สึก หดหู่ใจ เนื่องจากวีซ่าเข้าประเทศอินเดียของเธอหมดอายุไปแล้วและตัวเธอเองก็แทบจะไม่มีเงินเหลือ ชายเลี้ยงวัวที่เป็นคนพบตัวกุมาร์เมื่อวันที่ 27 ก.ค. 2567
บอกว่าในวันนั้น เขาได้ยินเสียงผู้หญิงร้องดังมากมาจากในป่า ก็เลยเข้าไปดูและพบว่าขาข้างหนึ่งของกุมาร์โดนล่ามติดไว้กับต้นไม้ขณะที่เธอส่งเสียงกรีดร้องดังมาก เขาจึงไปตามชาวบ้านและตำรวจให้เข้ามาช่วย ตำรวจได้จัดการเลื่อยโซ่ที่ล่ามขาเธอไว้และนำตัวเธอส่งโรงพยาบาลในท้องถิ่น ซึ่งพบว่าเธอมีปัญหาสุขภาพหลายอย่าง มีอาการขาดน้ำอย่างรุนแรง หลังจากนั้นก็ส่งต่อเธอไปยังโรงพยาบาลที่เชี่ยวชาญด้านสุขภาพจิต ระหว่างนั้นเธอก็เขียนข้อความบอกตำรวจโดยกล่าวหา สามี ว่าเป็นคนล่ามเธอไว้กับต้นไม้และทิ้งเธอไว้นานกว่า 1 เดือน แต่เดิม ทีมสืบสวนก็สงสัยคำให้การของกุมาร์อยู่แล้ว เพราะแทบจะเป็นไปไม่ได้เลยที่คนคนหนึ่งจะมีชีวิตอยู่รอดในป่าได้เป็นเดือนๆโดยไม่มีน้ำและอาหาร
ตำรวจพบภาพถ่ายสำเนาหนังสือเดินทางของกุมาร์ในที่เกิดเหตุ ซึ่งระบุว่าเธอเป็นพลเมืองสหรัฐ มาจากรัฐแมสซาชูเซตส์ ขณะที่บัตรประจำตัวประชาชนของเธอระบุที่อยู่ไว้ว่าอยู่ในรัฐทมิฬนาฑู นอกจากนี้เธอยังมีโทรศัพท์มือถือ, แท็บเล็ตคอมพิวเตอร์และเงินจำนวน 31,000 รูปีหรือประมาณ 13,184 บาท ดร.สังฆมิตรา ภูเล ผู้อำนวยการโรงพยาบาลที่กุมาร์กำลังรักษาตัวอยู่ให้ข้อมูลว่าอาการป่วยของเธอกำลังดีขึ้น เธอสามารถกินได้ เดินได้และออกกำลังกายได้ โดยโรงพยาบาลจัดให้เธอได้รับสารอาหารที่ร่างกายขาดแคลนอย่างครบถ้วน