พ่ออยากได้รับสิทธิพิเศษในคอนเสิร์ต K-Pop เลยกุเรื่องว่าลูกสาวเป็นเจ้าหญิง สุดท้ายความแตกถูกปรับอาน
สิทธิพิเศษใครก็อยากได้ เพราะได้รับการดูแลฃเป็นอย่างดี แต่อย่าเอาอย่างพ่อคนนี้ โดยคุณพ่อวัย 49 ปี ชาวสิงคโปร์คนหนึ่ง แอบอ้างว่าลูกสาววัย 17 ปี ของตนเป็นเจ้าหญิงแห่งรัฐสลังงอร์ ประเทศมาเลเซีย เพื่อขอให้ได้รับการปฏิบัติและดูแลเป็นกรณีพิเศษ
เพื่อเข้าชมคอนเสิร์ตวง K-Pop ณ สนามกีฬาแห่งชาติสิงคโปร์ จากรายงานเหตุการณ์ข้างต้น ชายคนนี้ได้ซื้อตั๋วเข้าชมคอนเสิร์ตจำนวน 2 วันให้กับลูกสาว (ราคาบัตรอยู่ที่ 148-348 ดอลลาร์สิงคโปร์ หรือประมาณ 3,952-9,292 บาท) ส่วนเพื่อนสาวคนหนึ่งของลูกซื้อเอง แต่เขาไม่อยากให้ลูกต้องลำบากในการต่อคิวเข้าสนามเหมือนกับคนอื่นๆ บวกกับตนเองก็อยากจะตามเข้าไปดูแลด้วย
เขาจึงคิดวางแผนกุเรื่องขึ้นมา แผนการของเขาเริ่มต้นจากการไปค้นหาเบอร์โทรศัพท์ของผู้จัดคอนเสิร์ตก่อน จากนั้นก็ได้โทรไปแอบอ้างว่า มีเจ้าหญิงองค์หนึ่งจากราชวงศ์สลังงอร์แห่งมาเลเซีย ซื้อตั๋วเข้าชมคอนเสิร์ตครั้งนี้ และอยากจะขอเข้างานผ่านช่องทางพิเศษ ด้วยเหตุผลด้านความปลอดภัย ส่วนตัวผมเองจะเป็นบอดี้การ์ดของพระองค์ ผลปรากฏว่าผู้จัดคอนเสิร์ตดังกล่าวเกิดหลงเชื่อ และบอกให้ชายคนนี้ไปถึงก่อนเวลา เพื่อที่ทีมงานจะได้อำนวยความสะดวกให้ ซึ่งเขาได้นำเรื่องไปบอกลูกสาวให้ทราบเรื่องทั้งหมด
แถมยังหาสูทมาใส่เพื่อให้สมบทบาทบอดี้การ์ดที่อารักขาเชื้อพระวงศ์จริงๆ เมื่อถึงวันงาน ทางทีมผู้จัดคอนเสิร์ตได้ให้การต้อนรับ พร้อมกับเปิดช่องทางพิเศษให้พวกเขาทั้งสาม โดยพ่อที่ไม่ได้ซื้อตั๋วเข้าชมตั้งแต่แรกยังได้รับตั๋วฟรีสำหรับคอนเสิร์ตทั้ง 2 วัน
รวมถึงได้สิทธิ์เข้างานก่อนเวลาด้วย เพื่อให้แผนการทั้งหมดสมจริงและน่าเชื่อถือ นอกเหนือจากการแต่งตัวแล้ว เขายังยืนอยู่ที่บริเวณทางเข้า แล้วเฝ้าดูลูกสาวและเพื่อนของเธออยู่ห่างๆ แม้ดูเหมือนว่าแผนการแต่งตั้งองค์หญิงกำมะลอนี้จะผ่านไปด้วยดี หลังจบคอนเสิร์ตพวกเขาทั้งหมดก็กลับบ้านอย่างเป็นปกติ ทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น
แต่ในเวลาต่อมาผู้จัดงานเริ่มรู้สึกเอะใจและสงสัยเกี่ยวกับตัวตนที่แท้จริงของพวกเขา จึงไปสืบค้นข้อมูล กระทั่งพบว่าพ่อลูกคู่นี้และเพื่อนลูกอีกคนไม่ได้เป็นสมาชิกหรือมีความเกี่ยวข้องกับเชื้อพระวงศ์สลังงอร์ อย่างที่กล่าวอ้างไว้เลย แน่นอนว่าเมื่อพวกเขาทั้งสามกลับมาชมคอนเสิร์ตอีกครั้งในวันที่สองด้วยมุกเดิม ทางผู้จัดงานจึงให้ฝ่ายรักษาความปลอดภัยและฝ่ายจัดการสนามกีฬามารอตรวจสอบเพื่อยืนยันความจริง เมื่อรู้ว่าไม่ใช่เรื่องจริง จึงได้แจ้งเจ้าหน้าที่ให้จับกุมเป็นที่เรียบร้อย ขณะที่พ่อก็ยอมรับสารภาพความผิดในชั้นศาล
และขอให้ศาลปรานีลดโทษให้ โดยอ้างว่าที่ทำไปเพราะเป็นห่วงความปลอดภัยของลูกสาวภายในคอนเสิร์ตที่มีผู้คนพลุกพล่าน นอกจากนี้เขายังแสดงความเสียใจ และย้ำว่าที่ทำไปเพราะแรงกดดันทางการเงินจากค่าเล่าเรียนในมหาวิทยาลัยของลูกสาวตน เพราะเขาเป็นผู้หาเลี้ยงครอบครัวเพียงคนเดียว ทางด้านศาลก็ได้ยกฟ้องและเตือนสติเขาว่า
หากจำเลยเป็นห่วงความปลอดภัยของลูกสาวจริงๆ จำเลยน่าจะซื้อตั๋วอีกใบเพื่อเข้าไปดูคอนเสิร์ตกับเธอ แทนที่จะคิดแผนหลอกลวงนี้ และทำให้ชื่อเสียงของราชวงศ์สลังงอร์เสียหาย ท้ายที่สุดศาลได้พิพากษาลงโทษปรับคุณพ่อท่านนี้ เป็นเงิน 5,000 ดอลลาร์สิงคโปร์หรือประมาณ 133,410 บาทเลยทีเดียว