ภาวะโลกร้อน ทำธารน้ำแข็งของเทือกเขาแอนดีส ละลายมากสุดเป็นประวัติการณ์
นี่ก็เป็นผลพวงมาจากภาวะโลกร้อนอีกเช่นกัน โดยเมื่อวานนี้ (1 สิงหาคม 2567) ทีมนักวิทยาศาสตร์ได้ตีพิมพ์ผลการศึกษาใหม่เกี่ยวกับสถานะปัจจุบันของธารน้ำแข็ง และการเปลี่ยนแปลงของธารน้ำแข็งในอารยธรรมของมนุษย์ บริเวณเทือกเขาแอนดีส ลงบนวารสาร Science โดยผลการศึกษาได้สร้างความตกใจให้กับนักวิทยาศาสตร์เป็นอย่างมาก เพราะพบว่า ธารน้ำแข็งบริเวณดังกล่าวลดลงมากเป็นประวัติการณ์ และนี่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนในประวัติศาสตร์ของอารยธรรมมนุษย์
ทั้งนี้การศึกษาดังกล่าวได้รวบรวมข้อมูลธารน้ำแข็งจาก 4 แห่งทั่วเทือกเขาแอนดีส รวมถึงธารน้ำแข็งเขตร้อน 99% ของโลก ซึ่งธารน้ำแข็งเหล่านี้ไวต่อการเปลี่ยนแปลงสภาพอากาศมากกว่าเนื่องจากอยู่ที่จุดเยือกแข็งหรือใกล้จุดเยือกแข็งอย่างสม่ำเสมอ ผู้เขียนหลักของการศึกษาวิจัยนี้ ระบุว่า ก่อนหน้านี้ประเมินว่า ผลลัพธ์เบื้องต้นเป็นเพียงความบังเอิญจากการค้นพบเท่านั้น แต่สุดท้ายได้รับการยืนยันจากกลุ่มตัวอย่างในเวลาต่อมา ทั้งนี้นักวิทยาศาสตร์ระบุว่า ผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นแสดงให้เห็นว่า สิ่งนี้เกิดขึ้นเร็วกว่าที่คิดไว้
เพราะก่อนหน้านี้คิดว่าผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นต่อธารน้ำแข็งคงต้องใช้เวลาอีกหลายสิบปีด้วยซ้ำ ดรูว์ โกริน ผู้เขียนผลการศึกษา บอกว่า เราคิดว่าผลลัพธ์นี้คงต้องใช้เวลาหลายสิบปี มันเพียงแสดงให้คุณเห็นว่า สิ่งนี้เกิดขึ้นเร็วกว่าที่พวกเราเชื่อมากที่สุด โดยพื้นฐานแล้ว ถ้าหินสามารถมองเห็นได้จากท้องฟ้า มันก็กำลังสะสมนิวไคลด์เหล่านี้อยู่ เขาเสริมว่า ผมท้าด้วยเงินที่เก็บมาทั้งชีวิตของผมเลยก็ได้ แท้จริงแล้ว ธารน้ำแข็งเหล่านี้มีขนาดเล็กกว่าที่เคยเป็นมา นับตั้งแต่วัฏจักรธารน้ำแข็งละลายครั้งล่าสุด
เราคิดว่านี่คือสัญญาณเตือนเล็กๆที่นำไปสู่การเปลี่ยนแปลงที่ยิ่งใหญ่ ซึ่งสิ่งนี้จะเกิดขึ้นทุกที่ในไม่ช้า และอาจเร็วกว่าที่เราคิดไว้ ผมคิดว่า มันเป็นสัญญาณว่า ตอนนี้เรากำลังละทิ้งสภาวะนี้ สภาพภูมิอากาศที่เราคุ้นเคยว่า เราได้สร้างอารยธรรมโลกของเรา ดังที่เราทราบกันดี