นอนเปิดไฟเพิ่มความเสี่ยงเป็นมะเร็งจริงหรือ? หมอไขข้อข้องใจ
มะเร็งถือเป็นโรคร้ายที่หลายคนหวาดกลัว เพราะนอกจากจะรักษาหายขาดได้ยากแล้ว ยังส่งผลต่อร่างกายและจิตใจของผู้ป่วยและคนรอบข้างอย่างมาก
สาเหตุของมะเร็งนั้นมีหลายปัจจัย ปัจจัยหลักๆ ที่เรารู้จักกันดีก็คือ พฤติกรรมการสูบบุหรี่ ดื่มแอลกอฮอล์ กินหมากฝรั่ง แต่ทราบหรือไม่ว่า "การนอนเปิดไฟ" ก็เป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่เพิ่มความเสี่ยงเป็นมะเร็งได้
จากการศึกษาที่ตีพิมพ์ในวารสาร Cancer พบว่า แสงสว่างยามค่ำคืนส่งผลต่อการผลิตเมลาโทนิน ฮอร์โมนที่หลั่งออกมาในตอนกลางคืน ซึ่งมีหน้าที่ควบคุมการนอนหลับ ช่วยเสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกัน และต้านอนุมูลอิสระ การนอนหลับในที่มืดสนิท จะช่วยให้ร่างกายผลิตเมลาโทนินได้อย่างมีประสิทธิภาพ แต่หาก นอนเปิดไฟ แสงไฟจะไปยับยั้งการผลิตเมลาโทนิน ส่งผลต่อระบบภูมิคุ้มกัน และเพิ่มความเสี่ยงต่อโรคมะเร็ง
จากงานวิจัยพบว่า ผู้ที่นอนเปิดไฟเป็นประจำ มีโอกาสเป็นมะเร็งต่อมไทรอยด์เพิ่มสูงถึง 55% โดยเฉพาะผู้หญิง นอกจากนี้ยังอาจเพิ่มความเสี่ยงต่อโรคอ้วน โดยน้ำหนักตัวที่เพิ่มขึ้นจะสัมพันธ์โดยตรงกับความเข้มข้นของแสงไฟ
นอกจากการนอนเปิดไฟแล้ว พฤติกรรมอื่นๆ ที่เพิ่มความเสี่ยงต่อโรคมะเร็ง ยังมีดังนี้ ชอบทานอาหารไหม้เกรียม ตรวจคอมพิวเตอร์ทอมโมแกรม (CT Scan) บ่อยครั้ง ไม่ชอบแปรงฟันและบ้วนปาก เปลี่ยนเฟอร์นิเจอร์และของตกแต่งบ้านบ่อย ชอบทานเนื้อแดงแปรรูป นั่งนาน และทานอาหารหวานจัด เค็มจัด
ดังนั้น เพื่อลดความเสี่ยงต่อโรคมะเร็ง เราควรปรับเปลี่ยนพฤติกรรมดังต่อไปนี้ นอนหลับในที่มืดสนิท ปิดไฟและผ้าม่านให้มิดชิด หลีกเลี่ยงการนอนกลางวันนานๆ ออกกำลังกายสม่ำเสมอ ทานอาหารให้ครบ 5 หมู่ เน้นผักผลไม้ ลดการทานอาหารไหม้เกรียม แปรงฟันและบ้วนปากอย่างสม่ำเสมอ ตรวจสุขภาพเป็นประจำ
การปรับเปลี่ยนพฤติกรรมเหล่านี้ แม้จะไม่สามารถป้องกันมะเร็งได้ 100% แต่ก็ช่วยลดความเสี่ยง และส่งผลดีต่อสุขภาพโดยรวมของเรา