ผู้เชี่ยวชาญชี้ ปลอกหมอนและผ้าปูที่นอน หากดูแลไม่ดีอาจจะสกปรกกว่าส้วม
ข่าวเกี่ยวกับสุขภาพนี้ ว่าด้วยเรื่องความสะอาดบนเตียงนอน ที่หลายคนคงลืมนึกถึงไป นั่นคือ ปลอกหมอนและผ้าปูที่นอน ที่เราใช้นอนหลับอยู่ทุกคืนนี้เอง อาจจะสกปรกยิ่งกว่าโถส้วม หากไม่ซักมำความสะอาดเป็นประจำ โดย Wayfair ซึ่งเป็นผู้ค้าปลีกของใช้ในบ้านออนไลน์ ได้ร่วมมือกับ Dr.Gareth Nye หัวหน้าโครงการวิทยาศาสตร์การแพทย์ เพื่อให้ความรู้แก่ชาวอังกฤษ เกี่ยวกับวิธีดูแลเครื่องนอนให้ปราศจากเชื้อโรคในฤดูร้อน โดยคำแนะนำของผู้เชี่ยวชาญคือควรซักผ้าปูที่นอนสัปดาห์ละครั้ง Dr.Nye อธิบายว่า จากการศึกษาในระยะแรกๆ คาดว่าคนเรามักจะเสียเหงื่อประมาณ 500-700 มิลลิลิตรในหนึ่งคืน โดยเหงื่อจะออกอย่างน้อย 200 มิลลิลิตร ซึ่งเหงื่อเหล่านี้จะถูกซับออกด้วยชุดนอนหรือผ้าปูที่นอน นอกจากเหงื่อแล้ว
ร่างกายยังสร้างเซลล์ผิวหนังทดแทน ส่งผลให้เซลล์ผิวหนังหลุดลอกออกไป โดยร่างกายสูญเสียเซลล์ผิวหนังเฉลี่ยวันละ 500 ล้านเซลล์ (ซึ่งส่วนใหญ่หลุดออกในเวลากลางคืน) นอกจากนี้ ร่างกายยังผลิตสารคัดหลั่งอื่นๆ ออกมาด้วย และยังมีการสูญเสียของเหลวเพิ่มเติมผ่านทางน้ำลายอีกด้วย ทั้งหมดที่กล่าวข้างต้นนี้ ทำให้เกิดแหล่งเพาะพันธุ์ที่สมบูรณ์สำหรับแบคทีเรียและสารพิษอื่นๆ โดยสารพิษที่ใหญ่ที่สุดคือไรฝุ่นซึ่งชอบกินเซลล์ผิวหนังที่ตายแล้ว และมูลของไรฝุ่นสามารถกระตุ้นให้เกิดอาการแพ้และโรคหอบหืดได้ ในแง่ของแบคทีเรีย จากการศึกษาบางกรณีพบว่ามีแบคทีเรียมากกว่า 17,000 ตัวบน ปลอกหมอน หลังจากผ่านไป 1 สัปดาห์
ดังนั้น เมื่อเทียบกันแล้วปลอกหมอนของคุณจึงถือว่าสกปรกกว่าชักโครกเสียอีก ข่าวดีก็คือแบคทีเรียเหล่านี้มีแนวโน้มที่จะมาจากตัวคุณตั้งแต่แรกอยู่แล้ว ดังนั้นแบคทีเรียเหล่านี้จึงไม่เป็นอันตราย อย่างไรก็ตาม เชื้อรานั้นเป็นอันตราย โดยการศึกษาหนึ่งพบว่าหมอนทั่วไปมีเชื้อราถึง 16 สายพันธุ์ และมีสปอร์เชื้อราหลายล้านสปอร์ ผู้เชี่ยวชาญยังกล่าวเตือนว่า มีข้อผิดพลาดอย่างหนึ่งที่ผู้คนมักจะทำกัน ซึ่งอาจทำให้เชื้อโรคเติบโตได้ นั่นคือการจัดการพับเครื่องนอนทันทีที่ลุกออกจากเตียงในตอนเช้า ความจริงการทิ้งไว้สักครู่สามารถป้องกันไม่ให้ความชื้นสะสมและแบคทีเรียเติบโตได้นั่นเอง