สแกนดิเนเวียนแอร์ไลน์ อนุญาตให้ลูกเรือ เปิดเผยรอยสักขณะทำงานได้
คนมีรอยสักนั้น มักจะถูกมองด้วยสายตาที่ต่างจากคนทั่วไปบ้างไม่มากก็น้อย ล่าสุดกลายเป็นกระแสไปทั่วโลกสำหรับ ‘สแกนดิเนเวียนแอร์ไลน์’ (Scandinavian Airlines) ที่เมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมา หลังจากที่เพจเฟซบุ๊กทางการของสายการบินอย่าง SAS หรือ Scandinavian Airlines ได้ออกมาโพสต์ข้อความว่า นับตั้งแต่วันนี้ สมาชิกลูกเรือของสายการบินสามารถเปิดเผยรอยสักและสวมรองเท้าผ้าใบขณะอยู่ในเครื่องแบบได้อย่างภาคภูมิใจ การปรับปรุงหลักเกณฑ์เกี่ยวกับเครื่องแบบของสายการบินในครั้งนี้
ถือเป็นส่วนหนึ่งของความมุ่งมั่นอย่างต่อเนื่องของเรา ในการสร้างสภาพแวดล้อมที่ทันสมัย ไม่แบ่งแยก และเป็นมิตรสำหรับทุกคน ด้วยการโอบรับความเป็นปัจเจกและความสะดวกสบายให้แก่สมาชิกพนักงานของเรา เรามุ่งมั่นที่จะปรับปรุงประสบการณ์องค์รวม และพร้อมรับรองว่าว่าทุกคนจะรู้สึกมีคุณค่า และเป็นที่ต้อนรับ ซึ่งแน่นอนว่า หลังจากที่ทางสายการบินได้ออกประกาศเช่นนี้ ก็มีผู้คนทั่วโลกเข้ามาแสดงความคิดเห็นเชิงชื่นชมมากมาย โดยมียอดไลก์ไปแล้วกว่า 16,000 ไลก์ และยอดแชร์เกือบ 5,000
ทั้งนี้การที่สายการบินสแกนดิเนเวียนแอร์ไลน์ได้อนุญาตให้ลูกเรือมีรอยสักได้ ถือเป็นการเคลื่อนไหวที่สำคัญในวงการสายการบิน เนื่องจาก รอยสักนอกร่มผ้า ถือเป็นของต้องห้ามสำหรับลูกเรือ ในบางสายการบินพิจารณาว่ารอยสักถือเป็นสัญญาณของความไม่เป็นมืออาชีพ และขัดกับภาพลักษณ์ทางการของสายการบิน นอกจากนี้ บางสายการบินยังมองว่า รอยสักอาจเป็นต้นเหตุของการ เหยียด-แบ่งแยกเชื้อชาติ ศาสนา หรือบางรอยสักอาจเป็นเรื่องต้องห้ามในวัฒนธรรมหนึ่งๆ เช่น คนสักรูปหมูที่มือแล้วไปใช้บริการสายการบินมุสลิมอาจเป็นเรื่องไม่หมาะสม ดังนั้น ลูกเรือที่ทำงานร่วมกับทุกเชื้อชาติ ศาสนา การไม่มีรอยสักจึงเป็นเรื่องที่ปลอดภัยมากที่สุด
แต่มากไปกว่านั้น สำหรับบางสายการบินอาจมองไปถึงขั้นที่ว่า รอยสักเป็นเรื่องสวยๆ งามๆ ที่อาจทำให้ลูกเรือโฟกัสกับมันมากเกินไปจนไม่เป็นอันทำงานทำการ และอาจทำให้ประสิทธิภาพการทำงานลดลงก็เป็นได้ ทั้งนี้สแกนดิเนเวียนแอร์ไลน์ไม่ใช่สายการบินแรกที่มีประกาศอนุญาตให้ลูกเรือเปิดเผยรอยสักได้ เพราะในปี 2022 ก็มีสายการบินสัญชาติอังกฤษอย่าง ‘เวอร์จิน แอตแลนติก’ (Virgin Atlantic) ที่ได้อนุญาตให้ลูกเรือเปิดเผยรอยสักได้เป็นสายการบินแรกของสหราชอาณาจักร
โดยหวังจะสร้างแบรนด์ที่เป็นมิตรต่อคนทำงาน ซึ่งนโยบายในครั้งนี้ก็ได้รับกระแสตอบรับที่ดีจากคนทั่วโลกเช่นเดียวกันนั่นเอง