โฟโม่ (FOMO) โรคกลัวตกเทรนด์ของวัยรุ่น
ในปัจจุบันนี้มีกลุ่มอาการหรือโรคแปลกเกิดขึ้นเยอะ อย่างเช่น FOMO หรือ Fear of missing out หรือตัวย่อว่า FOMO นี้ถูกบัญญัติเป็นคำศัพท์ใน Oxford English Dictionary เมื่อปี 2013 โดยดิคชันนารี อ๊อกฟอร์ด ให้ความหมายคำนี้ไว้ว่า เป็นอาการวิตกกังวลของผู้คนเมื่อรู้สึกว่าตนเองไม่ได้มีส่วนร่วมในกิจกรรมทางสังคม ไม่ว่าจะมีสาเหตุมาจากไม่ได้รับเชิญ ติดธุระไปร่วมงานไม่ได้ หรือแค่รู้สึกไม่อยากไป
โดยทั่วไปแล้วคนที่มีอาการ FOMO มักรู้สึกว่าตัวเองไม่มีบทบาททางสังคม คนอื่นๆ ไม่ให้ความสำคัญ ความรู้สึกเหล่านี้นำไปสู่ความกังวลและรู้สึกว่าตนเองด้อยค่ากว่าคนอื่นๆ การศึกษาในต่างประเทศพบว่าวัยที่มักมีอาการ FOMO มากที่สุดคืออายุระหว่าง 18-30 ปี อย่างไรก็ตามดูเหมือนว่าวัย Pre-teen และวัยรุ่นจะได้รับผลกระทบจากอาการ FOMO มากที่สุด
โดยเฉพาะวัยรุ่นที่ใช้โซเชียล มีเดีย การเห็นภาพเพื่อนๆ ไปเที่ยวคาเฟ่สวยๆ ทำกิจกรรมหลากหลาย ล้วนส่งผลให้เกิดการเปรียบเทียบ ยิ่งหากว่าวัยรุ่นไม่ได้ออกไปไหน ก็จะรู้สึกว่าชีวิตตนเองน่าเบื่อ รู้สึกว่ามีหลายอย่างที่พวกเขา พลาด จนกลายเป็นความรู้สึกว่าตัวเองตกกระแส กลัวคุยกับเพื่อนไม่รู้เรื่องหรือเพื่อนๆไม่ยอมรับ เพราะธรรมชาติของวัยรุ่นต้องการเป็นที่ยอมรับ จึงอยากทำทุกอย่างเพื่อสร้างความประทับใจ การได้ไปในสถานที่กำลังฮิต มีส่วนร่วมในกิจกรรมที่อยู่ในกระแส เพื่อจะได้โพสต์ในโซเชียล มีเดีย เป็นสิ่งสำคัญสำหรับวัยรุ่นยุคใหม่
ยิ่งมีคนมากดไลก์ แสดงความคิดเห็นมากเท่าไร ยิ่งทำให้วัยรุ่นรู้สึกว่าตนเองเป็นที่ยอมรับในหมู่เพื่อนฝูงนั่นเอง มีการศึกษาในต่างประเทศที่พบว่าอาการ FOMO เชื่อมโยงกับการใช้โซเชียล มีเดีย กล่าวคือ ยิ่งคนเราใช้โซเชียล มีเดียมากเท่าไร อาการ FOMO ก็มีโอกาสรุนแรงขึ้นเท่านั้น นักวิจัยบางคนยังเชื่อว่าความรู้สึก กลัวตกเทรนด์ นี่เอง ที่ทำให้โซเชียล มีเดีย ประสบความสำเร็จ เพราะอาการ FOMO นี้เป็นแรงขับให้คนเราใช้เทคโนโลยี ไม่ใช่เพียงแค่บอกว่าเรากำลังทำอะไร ที่ไหน แต่ยังรวมถึงเราสนุก และมีความสุขมากแค่ไหนด้วยนั่นเอง